(ไฮไลท์)ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2021-22 สัปดาห์ที่ 16 นอริช ซิตี้ พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2021/22 เมื่อวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม 2564 "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกพลไปเยือนทีมบ๊วย "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ ที่สนามแคร์โรว์ โร้ด

นาที 15 แมนยูเกือบได้เฮจากลูกฟรีคิก อเล็กซ์ เตลลิส ปั่นด้วยซ้าย บอลไปแฉลบกำแพงผู้เล่นนอริชก่อนเปลี่ยนทางพุ่งไปชนคานออกหลังไป

หลังจากนั้นรูปเกมค่อนข้างอึดอัด และไม่มีจังหวะลุ้นประตูกันมากนัก จนนาที 37 สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ไหลบอลให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทะลุเข้าเขตโทษ ก่อนดึงจังหวะหลอกกองหลังนอริชแล้วปั่นด้วยซ้าย แต่โดน ทิม ครูล พุ่งปัดบอลพ้นอันตรายไปได้

นาที 40 เป็นโอกาสของ นอริช บ้าง ดิมิทริส จานนูลิส เปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้ ลูคัส รุปป์ ขึ้นโหม่ง แต่โดนไม่เต็ม ทำให้บอลเบา และ ดาบิด เด เคอา รับเอาไว้ได้

นาที 45 เจดอน ซานโช่ เปิดเข้าเขตโทษให้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ โหม่ง บอลจะย้อยเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ ทิม ครูล ลอยตัวปัดบอลออกหลังได้หวุดหวิด ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง นาที 57 ตีมู ปุกกี้ กองหน้าตัวเก่งของนอริช ได้จังหวะสับไกด้วยซ้ายตรงบริเวณเส้นเขตโทษ ดาบิด เด เคอา โชว์ซูเปอร์เซฟ พุ่งปัดบอลข้ามคานออกไปได้

GOAL!! เกมมาถึงนาที 75 แมนฯ ยูไนเต็ดได้จุดโทษ เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไปโดน แม็กซ์ อารอนส์ เหนี่ยวล้มในเขตโทษ ก่อนที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ จะลุกขึ้นมาสังหารตุงตาข่าย ทีมปีศาจแดงนำ 1-0

นาที 77 นอริชเกือบได้ประตูตีเสมอจากลูกฟรีคิกเปิดโด่งเข้าเขตโทษ โอซาน คาบัค ขึ้นโขกเต็มๆ แต่ เด เคอา โชว์ซูเปอร์เซฟ พุ่งปัดบอลออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม

ช่วงทดเจ็บ นอริชเกือบได้ลุ้นประตูตีเสมออีกครั้งจากลูกฟรีคิกเปิดเข้าเขตโทษ บอลเลยมาที่เสาสอง โอซาน คาบัค ได้ชาร์จจ่อๆ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ เด เคอา เซฟช่วยชีวิตทีมผีแดงเอาไว้ได้ ทำให้จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาชนะ นอริช 1-0 เก็บ 3 แต้มกลับบ้านได้แบบหืดจับ

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

นอริช : ทิม ครูล, แกรนต์ แฮนลี่ย์, เพอร์เซมิสลาฟ พลาเชต้า, โอซาน คาบัค, แม็กซ์ อารอนส์, เคนนี่ แม็คลีน, บิลลี่ กิลมัวร์, ลูคัส รุปป์ ดิมิทริส จานนูลิส, โจชัว ซาร์เจนต์, ตีมู ปุกกี้

แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา, ดิโอโก้ ดาโลต์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อเล็กซ์ เตลลิส, เฟร็ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, มาร์คัส แรชฟอร์ด