TNN online ผลบอลสดพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 35 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เชลซี

TNN ONLINE

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ผลบอลสดพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 35 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เชลซี

ผลบอลสดพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 35 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ เชลซี

แมนฯ ซิตี้ เปิดรังพ่าย เชลซี 1-2 โดย มาร์กอส อลอนโซ่ กดประตูชัยให้ทีมเยือนช่วงทดเจ็บ 90+2 ส่ง สิงห์บลูส์ ปาดหน้า เลสเตอร์ขึ้นรั้งอันดับ 3 ส่วน เรือใบสีฟ้า เลื่อนการฉลองแชมป์ออกไปก่อน

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมตช์เดย์ 35 "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "สิงห์บลูส์" เชลซี ลงทำการแข่งขันเวลา 23.30 น. ประจำวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม 2564


ครึ่งเวลาแรก

เริ่มเกมการแข่งขันมาในนาทีที่ 4 เจ้าถิ่นได้จังหวะลุ้นทำประตูก่อน จากจังหวะที่ อันเดรียส คริสเตนเซ่น เข้าบอลพลาดทำให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ได้บอลหลุดขึ้นมา ก่อนได้จังหวะเลี้ยงบอลเข้ากรอบเขตโทษ แล้วตัดสินใจยิงแต่บอลเหินข้ามคานออกหลังไป 

นาทีที่ 12 ราฮีม สเตอร์ลิง ไปสกัด ติโม แวร์เนอร์ ล้มลงหน้ากรอบเขตโทษ ทีมเยือนได้ฟรีคิก ก่อนเป็น รีซ เจมส์ ที่รับหน้าที่ยิงบอลไปติดกำแพง ก่อนที่กองหลังเจ้าถิ่นจะสกัดบอลออกมาได้ 

ช่วงเวลาหลังจากนั้นทั้งสองทีมต่างพยายามครองบอลเพื่อหวังสร้างเกมรุก แต่ยังไม่มีทีมใดที่มีจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้ง เกมผ่านไปแล้ว 25 นาที ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0 

ต่อมาในนาทีที่ 33 บิลลี่ กิลมอร์ แทงบอลทะลุช่องจากแดนกลางสนามให้ ติโม แวร์เนอร์ ได้ใช้ความเร็วเลี้ยงบอลจี้มาหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนได้จังหวะยิงแต่บอลโค้งหลุดเสาออกหลังไป 

นาทีที่ 35 ราฮีม สเตอร์ลิง ได้บอลเลี้ยงขึ้นมาก่อนพยายามหลบกองหลังทีมเยือน แล้วถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก็ได้จังหวะยิงบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่ยังเบาเกินไป เอดูอาร์ เมนดี้ รับเอาไว้ได้ 

นาทีที่ 42 บิลลี่ กิลมอร์ พลิกบอลก่อนจ่ายต่อมาให้ ฮาคิม ซีเยค ได้จังหวะยิงไกลจากหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังไปติดเซฟของ เอแดร์ซอน ปัดบอลออกมาได้ 

หลังจากนั้นอีก 2 นาที อันเดรียส คริสเตนเซ่น เข้าบอลพลาดโดน กาเบรียล เชซุส ฉกบอลเอาไปได้ ก่อนเลี้ยงเข้าเขตโทษ แล้วจ่ายต่อไปให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" พยายามจับบอลแต่บอลเลยไปถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ที่สอดขึ้นมายิงส่งบอลเข้าประตูไป ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ เชลซี 1-0

นาทีที่ 45+1 กาเบรียล เชซุส ได้จังหวะครองบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนโดน บิลลี่ กิลมอร์ เข้ามาแย่งบอลจากข้างหลังล้มลง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ที่รับหน้าที่ยิงแล้วพยายามยิงแบบปาเนก้า แต่ เอดูอาร์ เมนดี้ รับเอาไว้อย่างสบาย 

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ เชลซี 1-0


ครึ่งเวลาหลัง

เริ่มครึ่งหลังมาในนาทีที่ 51  แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ วางบอลยาวไปให้ เฟร์ราน ตอร์เรส โหม่งช่งให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ได้จังหวะยิงไกลจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเข้ากรอบแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ ยังรับบอลเอาไวได้ 

นาทีที่ 60 มาร์กอส อลอนโซ่ ตัดบอลได้ ก่อนจ่ายต่อมาให้ คริสเตียน พูลิซิช ได้จังหวะเลี้ยงบอลก่อนหาช่องแล้วตัดสินใจยิงจากหน้าเขตโทษ บอลโค้งเหินข้ามคานไป

นาทีที่ 63 ฮาคิม ซีเยค ไปตัดบอลได้จาก โรดรี้ ก่อนเลี้ยงบอขึ้นมาแล้วจ่ายต่อไปให้ คริสเตียน พูลิซิช แทงบอลออกด้านขวาให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลเข้ามาให้ ฮาคิม ซีเยค ที่ได้จังหวะยิงส่งบอลผ่านมือของ เอแดร์ซอน เข้าประตูไป ช่วยให้ เชลซี ตามตีเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1

ต่อมาในนาทีที่ 85 ราฮีม สเตอร์ลิง ออกบอลไปทางฝั่งซ้ายให้ อิลคาย กุนโดกัน ได้เปิดบอลเข้ามาหน้าปากประตุแล้วเป็น ฟิล โฟเด้น ที่วิ่งมาสกิดบอลแต่บอลหลุดเสาออกหลังไป 

นาทีที่ 90+2 คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย จ่ายบอลออกด้านขวาให้ ติโม แวร์เนอร์ พาบอลไปสุดเส้นก่อนตบกลับเข้ามาให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ได้จังหวะยิงผ่านมือของ เอแดร์ซอน  เข้าประตุไป ช่วยให้ เชลซี แซงขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดที่ทำประตูเพิ่มเติมได้ หมดเวลาการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านพ่ายต่อ เชลซี 1-2  ส่งผลให้ "เรือใบสีฟ้า"มี 80 แต้มจาก 35 นัด จ่อเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ทันที ถ้าแมนฯ ยุไนเต็ด พ่ายแพ้ในเกมวันพรุ่งนี้ ขณะที่ "สิงห์บลูส์" แซงขึ้นรั้งอันดับ 3 ของตาราง ทิ้งห่าง เวสต์แฮม เป็น 6 แต้ม 


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระบบ (3-5-2) : เอแดร์ซอน ; นาธาน อาเก้, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์กต์ ; เฟร์ราน ตอร์เรส (อิลคาย กุนโดกัน น.70),ชูเอา กานเซโล่,โรดรี้, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ (โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ น.79), ราฮีม สเตอร์ลิง ;  เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"(ฟิล โฟเด้น น.70), กาเบรียล เชซุส

เชลซี ระบบ (3-5-2) : เอดูอาร์ เมนดี้ ; เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า , อันเดรียส คริสเตนเซ่น (คัวร์ท ซูม่า น.45+3), อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ; รีซ เจมส์,ฮาคิม ซีเยค (คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย น.76), เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (จอร์จินโญ่ น.67),บิลลี่ กิลมอร์, มาร์กอส อลอนโซ่ ;คริสเตียน พูลิซิช , ติโม แวร์เนอร์

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง