TNN online ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 32 เอฟเวอร์ตัน พบ สเปอร์ส

TNN ONLINE

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 32 เอฟเวอร์ตัน พบ สเปอร์ส

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 32 เอฟเวอร์ตัน พบ สเปอร์ส

แฮร์รี่ เคน วอลเลย์สุดคม 2 ตุงให้ สเปอร์ส ส่วน กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เหมา 2 ลูกให้ เอฟเวอร์ตัน! คู่นี้กินกันไม่ลงจบลงด้วยสกอร์เสมอ 2-2 แบ่งแต้มกันไป ทำให้ "ไก่เดือยทอง" ไร้ชัย 3 เกมติด หยุดนิ่งอยู่ที่ 7 มี 50 คะแนน ตามหลังท็อปโฟร์ 4 พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 แต้ม ด้าน "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เจ๊า 3 เกมรวด และไม่ชนะใครในลีก 5 นัดติดต่อกัน รั้งอันดับ 8 มี 49 คะแนน ตามหลัง เวสต์แฮม ทีมอันดับ 4 อยู่ 6 แต้ม

วันนี้ (17 เม.ย. 64) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 32 ที่สนาท กูร์ดิสัน พาร์ค เป็นการพบกันของ เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านรับการมาเยือน สเปอร์ส ลงทำการแข่งขันเวลา 02.00 น.


ครึ่งเวลาแรก

เริ่มเกมมาในนาทีที่ 5 เจ้าบ้านได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ ริชาร์ลิซอน จ่ายบอลให้ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ได้ซัดด้วยขวา บริเวณนอกกรอบ แต่ยิงโด่งเหินข้ามคานออกหลังไปไกล

จากนั้นทั้งสองทีมพยายามต่อบอลเพื่อลุ้นทำประตู แต่ยังไม่มีทีมใดมีจังหวะแบบจะแจ้ง เกมผ่านไปแล้ว 20 นาที เอฟเวอร์ตัน ยังเสมอ สเปอร์ส 0-0

นาทีที่ 22  เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้น โดย ฮาเมส โรดริเกส ไหลบอลทะลุช่องให้ ริชาร์ลิซอน ได้กดเน้นๆ แต่ติดเซฟของ อูโก้ โยริส ปัดเอาไว้ได้

ต่อมาในนาทีที่ 27 ทีมเยือนทำเกมรุกขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนที่ ต็องกี เอ็นดอมเบเล่ จะครอสบอลเข้าในกรอบ แล้ว ไมเคิ่ล คีน โหม่งสกัดมาเข้าทาง แฮร์รี่ เคน จับหนึ่งจังหวะก่อนฟาดด้วยซ้าย ส่งบอลตุงตาข่ายพา สเปอร์ส บุกนำ เอฟเวอร์ตัน 1-0

นาทีที่ 31 เซร์คิโอ เรกีลอน ไปทำฟาวล์ใส่ ฮาเมส โรดริเกส ล้มลงในกรอบ แล้วผู้ตันสินก็เป่าหยุดเกมทันที ก่อนจะชี้ให้เป็นจุดโทษแก่เจ้าถิ่น จากนั้น กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน รับหน้าที่สังหารไม่พลาด เอฟเวอร์ตัน ตามตีเสมอ สเปอร์ส 1-1

ถัดมาในนาทีที่ 38 เจ้าบ้านได้เสียว จากการที่ ฮาเมส โรดริเกส ไขว้บอลทำชิ่งหนึ่งสองกับ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ก่อนที่จะจับขวาแล้วยิงด้วยซ้าย แต่ไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส เซฟเอาไว้ได้แบบหวุดหวิด

นาทีที่ 42 เอฟเวอร์ตัน ได้ลูกเตะมุม เปิดโดย กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน โยนย้อยเข้าไปถึง ริชาร์ลิซอน ได้โขก แต่ไปตรงตัว อูโก้ โยริส รับเอาไว้ได้สบายๆ

หลังจากนั้นหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน เสมอกับ สเปอร์ส 1-1


ครึ่งเวลาหลัง

กลับมาสู่ครึ่งหลัง ในนาทีที่ 49 เจ้าบ้านได้ลูกเตะมุม เปิดโดย ฮาเมส โรดริเกส โยนเข้าไปในกรอบ แล้วเป็น ริชาร์ลิซอน ชิงโหม่งได้ แต่โด่งข้ามคาน

นาทีที่ 52 สเปอร์ส มีโอกาส จากการที่ แฮร์รี่ เคน เคาะบอลให้ ซน ฮึง-มิน ลากจี้เข้าใส่ ก่อนกระชากไปเกือบสุดเส้น แล้วตัดสินใจยิงกะยัดเสาแรก แต่ติดเซฟ จอร์แดน พิคฟอร์ด

ต่อมาในนาทีที่ 56 ทีมเยือนได้ลุ้น โดย แฮร์รี่ เคน จ่ายบอลให้ ต็องกี เอ็นดอมเบเล่ โยกแล้วยิง แต่บอลไปแฉลบ ลูก้าส์ ดีญ ทำให้ย้อยเกือบมุดเข้าประตู แต่โด่งไปนิดเดียว

นาทีที่ 60 เอฟเวอร์ตัน เปิดเกมรุก ก่อนที่ อัลลัน จะหยอดขึ้นหน้าให้ ริชาร์ลิซอน เอาบอลลงแล้วซัด ส่งบอลสู่ก้นตาข่าย แต่ผู้ตัดสินยกธงเป็นลูกล้ำหน้า ทำให้เจ้าบ้านชวดใส่สกอร์เพิ่ม

ถัดมาในนาทีที่ 62 เจ้าถิ่นบุกต่อเนื่อง แล้วเป็น เซมัส โคลแมน ตัวสำรองที่เพิ่งสนามมา ฝากบอลไว้ที่ ริชาร์ลิซอน ก่อนเคาะคืนมาอีกครั้ง แล้วจ่ายตัดเข้าในให้กับ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ได้แปด้วยซ้ายเน้นๆ ไม่เหลือ เอฟเวอร์ตัน แซงนำ สเปอร์ส 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 72 ทีมเยือนมีโอกาสอีกครั้ง จากลูกเปิดของ ลูคัส มูร่า ถึง แฮร์รี่ เคน ได้โหม่งเสยบอลย้อยเกือบเสียบสามเหลี่ยม แต่หลุดออกไปนิดเดียวเท่านั้น

นาทีที่ 85 เจ้าบ้านได้ลุ้น จากการที่ ฮาเมส โรดริเกส ไหลบอลให้ โจชัว คิง ได้ซัดในระยะเผาขน แต่ติดบล็อก อูโก้ โยริส แล้วบอลกระดอนมาเข้าทาง ริชาร์ลิซอน ยิงซ้ำ แต่โด่งข้ามคานหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขัน เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านเสมอ สเปอร์ส 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เสมอ 3 เกมรวด และไม่ชนะใครในลีก 5 นัดติดต่อกัน รั้งอันดับ 8 มี 49 คะแนน ตามหลัง เวสต์แฮม ทีมอันดับ 4 อยู่ 6 แต้ม ด้าน "ไก่เดือยทอง" ไร้ชัย 3 เกมติด หยุดนิ่งอยู่ที่ 7 มี 50 คะแนน ตามหลังท็อปโฟร์ 4 พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ 5 แต้ม


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เอฟเวอร์ตัน ระบบ (4-2-3-1) : จอร์แดน พิคฟอร์ด ; เมสัน โฮลเกต, ไมเคิ่ล คีน, เบน ก็อดฟรี่ย์, ลูก้าส์ ดีญ ; อัลลัน, ทอม เดวิส (โจชัว คิง น.84) ; ฮาเมส โรดริเกส, อเล็กซ์ อิโวบี้ (เซมัส โคลแมน น.62), กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ; ริชาร์ลิซอน

สเปอร์ส ระบบ (3-5-2) : อูโก้ โยริส ; เอริค ดายเออร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, โจ โรดอน ; แซร์ช โอริเย่ร์, ต็องกี เอ็นดอมเบเล่ (เอริค ลาเมล่า น.64), ปิแอร์-เอมิลย ฮอยจ์เบิร์ก, มุสซ่า ซิสโซโก้, เซร์คิโอ เรกีลอน (ลูคัส มูร่า น.64) ; ซน ฮึง-มิน, แฮร์รี่ เคน (เดเล่ อัลลี่ น.90+3)

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง