TNN online ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 16 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล

TNN ONLINE

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 16 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล

ไฮไลท์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2020-21 สัปดาห์ที่ 16 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มแค่ 1 แต้ม หลังบุกเจ๊า นิวคาสเซิ่ล 0-0 ทำให้ "หงส์แดง" คงรั้งจ่าฝูงต่อ มี 33 คะแนน แต่ทิ้งห่างแมนฯ ยูไนเต็ด แค่ 3 แต้ม และแข่งมากกว่า 1 นัด ด้าน "สาลิกาดง" อยู่ที่ 14 ของตาราง มี 19 คะแนน ในศึกพรีเมียร์ลีก คืนวันพุธที่ 30 ธ.ค.63

วันนี้ (31 ธ.ค. 63) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัด 16 ของฤดูกาล ที่สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค เป็นการพบกันของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับมือ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง ลงทำการแข่งขันเวลา 03.00 น.


ครึ่งเวลาแรก

เริ่มเกมมาในนาทีที่ 3 นิวคาสเซิ่ล ได้ลูกเตะมุม แล้วเป็น แม็ตต์ ริทชี่ ที่เปิดเข้าไปถึง โชลินตอน ขึ้นโขก แต่ก็โดนไม่ดี หลุดเสาไกลออกหลังไป

นาทีที่ 6 เป็นจังหวะจากลูกฟรีคิกของเจ้าบ้าน โดย จาค็อบ เมอร์ฟี่ เปิดย้อยเข้าไป ก่อนที่ คัลลั่ม วิลสัน จะได้โหม่งสบัด แต่ก็ยังไม่ตรงกรอบ บอลพุ่งออกหลังไป

ต่อมาในนาทีที่ 13 นิวคาสเซิ่ล โต้กลับอย่างรวดเร็ว โดย แม็ทธิว ลองสต๊าฟฟ์ วางบอลขึ้นหน้าไปที่ คัลลั่ม วิลสัน ได้หลุดเข้าไปแล้วซัดด้วขวากะยัดเสาแรก แต่ก็โดน ฟาบินโญ่ บล็อกเอาไว้ได้ทัน

นาทีที่ 16 ลิเวอร์พูล พยายามเซ็ตเกม แล้วมีช่องให้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้ลองส่องไกล แต่ก็ยังเบาเกินไป ไม่มีปัญหาสำหรับ คาร์ล ดาร์โลว์ นายด่านเจ้าถิ่นที่รับเอาไว้ได้แบบสบายๆ

จากนั้นในนาทีที่ 25 ทีมเยือนได้ลุ้น จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลบอลให้ เจมส์ มิลเนอร์ โยนออกขวาไปถึง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้ง้างยิง แต่ก็ไม่ผ่านมือ คาร์ล ดาร์โลว์

นาทีที่ 33 นิวคาสเซิ่ล ทำเกมรุกขึ้นไป ก่อนที่ โชลินตอน จะไหลบอลให้ ไอแซ็ค เฮย์เด้น ได้กดด้วยเท้าขวา แต่ก็ยังไม่ตรงกรอบ

ถัดมาในนาทีที่ 35 ลิเวอร์พูล มีโอกาส จากการที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วางบอลขึ้นหน้าไปถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้แปเล่นทาง แต่  คาร์ล ดาร์โลว์ ยังไม่หลง ปัดเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 40 เจ้าบ้านได้ลุ้น จากจังหวะที่ ดีอังเดร เยดลิน จ่ายบอลให้ จาค็อบ เมอร์ฟี่ พลิกตัวแล้วซัด แต่ไปเข้าซอง อลิสซง เบ็คเกอร์ รับเอาไว้ได้

หลังจากนั้นนาทีที่ 45+2 ทีมเยือนทำเกมมาจากฝั่งซ้าย ก่อนที่ ซาดิโอ มาเน่ จะเปิดเข้าไปให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้โขก แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ คาร์ล ดาร์โลว์ เซฟเอาไว้ได้ทัน แล้วก็หมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ล ยังเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0


ครึ่งเวลาหลัง

กลับมาสู่เกมครึ่งหลัง ในนาทีที่ 54 ทีมเยือนได้ลูกเตะมุม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้าไป แล้วเป็น ซาดิโอ มาเน่ ที่โฉบโหม่ง แต่บอลเฉี่ยวเสาแรกเสียบตาข่ายด้านนอก ทำหให้ ลิเวอร์พูล ชวดเบิกสกอร์

นาทีที่ 66 ทีมเยือนสวนกลับ โดย โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ จ่ายบอลทะลุช่องไปให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ดึงหลบ แล้วได้กดด้วยซ้าย บอลเลียดหลุดเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย

จากนั้นเพียง 2 นาที ลิเวอร์พูลได้เตะมุม เปิดโดย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เลยไปเสาสองถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ได้โขกโล่งๆ แต่บอลเฉี่ยวเสาออกไปอย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 79 เจ้าบ้านมาได้ลูกปรีคิก เปิดโดย แม็ตต์ ริทชี่ โยนย้อยเข้าไป แล้วเป็น เคียแรน คล้าร์ก ที่ได้โขกกดบอลลงพื้น แต่ อลิสซง เบ็คเกอร์ ยังพุ่งปัดซูปเปอร์เซฟเอาไว้ได้ นิวคาสเซิ่ล อดใส่สกอร์

นาทีที่ 81 ลิเวอร์พูลได้ลุ้น ซึ่ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ พยายามเปิดบอลเข้าไป แต่ คาร์ล ดาร์โลว์ ออกมาปัดเอาไว้ และบอลโดนเข่า ซาดิโอ มาเน่ กำลังจะเด้งเข้าประตู แต่ ฟาเบียน ชาร์ ก็พุ่งมาสกัดเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด นิวคาสเซิ่ล เกือบเสียประตู

ต่อมาในนาทีที่ 89 ลิเวอร์พูล ได้โอกาส โดย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลเข้าไปจากลูกเตะมุม จนไปถึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กระโดดโหม่ง แต่ก็ยังไม่ผ่านการป้องกันของ คาร์ล ดาร์โลว์

หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูได้ หมดเวลาการแข่งขัน นิวคาสเซิ่ล เปิดบ้านเสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้ "สาลิกาดง" อยู่ที่ 14 ของตาราง มี 19 คะแนน ไม่ชนะใครในลีก 4 เกมติดต่อกัน ด้าน "หงส์แดง" คงรั้งจ่าฝูง เก็บได้ 33 แต้ม ทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 คะแนน และแข่งมากกว่า 1 นัด


11 คนแรกที่ลงสนามเป็นตัวจริง

นิวคาสเซิ่ล ระบบ (3-4-3) : คาร์ล ดาร์โลว์ ; เคียแรน คล้าร์ก, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, ฟาเบียน ชาร์, ดีอังเดร เยดลิน ; แม็ทธิว ลองสต๊าฟฟ์, ไอแซ็ค เฮย์เด้น, แม็ตต์ ริทชี่ (จามาล ลูอิส น.86) ; คัลลั่ม วิลสัน, โชลินตอน, จาค็อบ เมอร์ฟี่ (มิเกล อัลมิรอน น.67)

ลิเวอร์พูล ระบบ (4-3-3) : อลิสซง เบ็คเกอร์ ; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เคอร์ติส โจนส์ (จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม น.68), เจมส์ มิลเนอร์ (ติอาโก้ อัลกันตาร่า น.73), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน; โมฮาเหม็ด ซาลาห์  (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.90+3), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่


ไฮไลท์การแข่งขัน

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง