ถอดรหัส...สัปดาห์25 ลิเวอร์พูลจ่อแชมป์,เลสเตอร์เจ๊าสิงห์,แมนยูยังไม่ชนะ,แมนซิตี้แพ้สเปอร์ส
จบไปแล้วสำหรับฟุตบอล พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 25 ต้องบอกว่ามีหลายคู่หลายเกมที่น่าสนใจ วันนี้เราจะพาไปถอดรหัสผลงานของแต่ละทีมกัน
รหัส001 ลิเวอร์พูลถล่มเซาธ์แฮมป์ตัน4-0 ขอชนะอีก 6 นัดคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์
ตอนนี้ขอชนะติดๆกันอีก 6เกม โดยไม่ต้องสนใจทีมอื่นๆ ลิเวอร์พูล ก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว เกมล่าสุดก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมหลังได้ลงเล่นเมื่อช่วงวันเสาร์ แม้สภาพทีมจะขาด ซาดิโอ มาเน่ แต่การได้ลงเล่นในรังเหย้าก็จัดผู้เล่นแบบชุดใหญ่ ส่งทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ และใช้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เป็นสามแนวรุกในเกมนี้
การที่ได้ลงเล่นในรังเหย้าทำให้เหมือนกับว่ามีพลังบางอย่างเพิ่มขึ้น แม้ในครึ่งแรกจะมีโอกาสทำประตูหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถเจาะแนวรับทีมเยือนได้ แถมเกือบเสียประตูหลายต่อหลายครั้ง แต่เป็นกองหน้าของฝั่ง"นักบุญ"ที่ยิงประตูไม่คมเองทำให้หมดครึ่งแรกเสมอกันไป 0-0
กลับมาครึ่งหลังเพียง 2 นาที อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยิงอย่างสวยงามช่วยให้ ลิเวอร์พูล ออกนำ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0 ทำให้ทีมเยือนต้องขยับเดินหน้าบุกเพื่อหวังพังประตูคืน แต่หลังจากนั้นกลับกลายเป็นฝั่งเจ้าถิ่น "หงส์แดง" ที่เดินหน้าทำประตูต่อเนื่องทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.60 ก่อนที่จะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มายิงอีก 2 ประตู ช่วยให้ ลิเวอร์พูลถล่มเซาธ์แฮมป์ตัน4-0
จุดสำคัญที่มองเห็นในเกมนี้คือ ดาวเตะที่สำคัญที่สุดในฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็คือ โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ เพราะเขามีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีม หลังจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูไป 3 ครั้ง ทำให้ตอนนี้เขาทำสถิติผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูไปแล้ว 51 ครั้ง จากการลงเล่นทุกรายการ 228 นัด มากกว่านักเตะทุกคนของ "หงส์แดง" นับตั้งย้ายมาร่วมทีมในปี 2015 ด้าน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็โดดเด่นในแดนกลาง หลังยิง 1 จ่าย 1 ในเกมนี้ ด้าน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็กำลังมั่นใจสุดขีด หลังยิงอีก 2 ในเกมนี้
ตอนนี้ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับฝั่งของลิเวอร์พูลเท่านั้นแล้ว หลังตอนนี้นำห่าง แมนฯ ซิตี้ ถึง 22 คะแนน และเหลือการแข่งขันเพียง 13 เกมเท่านั้น ขอชนะอีก 6 เกมเท่านั้น "หงส์แดง"จะคว้าแชมป์ได้ทันที โดยเกมหน้า จะต้องบุกไปเยือน นอริช ซิตี้ วันที่ 16 เดือนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงเก็บสามแต้มได้ตามเคย
รหัส002 เลสเตอร์ช้ำแชร์แต้มเชลซี รั้งที่3เหนียวแน่นทิ้งที่ 5 ไกล 12 แต้ม
"จิ้งจอกสีน้ำเงิน" แม้ผลงาน 4 เกมหลังสุด จะเก็บชัยชนะได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น แต่ถ้ามองจากผลงานโดยร่วมจะพบว่า 2เกมหลังสุก เก็บได้ถึง 4 แต้ม แม้ก่อนหน้านี้ จะพ่ายมา2เกม ทั้ง เซาธ์แฮมป์ตัน และ เบิร์นลี่ย์ ด้วยสกอร์เดียวกันคือ 1-2 แถม แต่พอเกมก่อนหน้านี้ เอาชนะ เวสต์แฮม ไปอย่างเด็ดขาด 4-1
ก่อนที่จะเปิดบ้านพบกับเชลซี ซึ่งเป็นคู่แข่งในการแย่งชิงพื้นที่ ชปล. อย่างแท้จริง แถมตอนนี้ ฝั่ง"สิงห์บลูส์"ยังรั้งอันดับ 4 พร้อมกับมีคะแนนตามหลัง เลสเตอร์ ที่ 8 คะแนน ด้วย ดังนั้นผลการแข่งขันเกมนี้ จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่า ใครควรจบเป็นอันดับ 3 เมื่อจบฤดูกาล
เกมนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จัดทัพที่ดีที่สุดลงสนามนำโดย เจมส์ แมดดิสัน ลงทำเกมตรงกลางคู่กับ ยูริ ตีเลมันส์ เกมริมเส้นใช้ อโยเซ่ เปเรซ และ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ วาง เจมี่ วาร์ดี้ เป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งก็ใช้ความเร็วและความขยันของ วาร์ดี้ ในการโจมตีและกดดันทีมเยือน
แต่ตลอดเวลาของครึ่งแรกทั้ง 2 ทีมยังทำประตูกันไม่ได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียงนาทีเดียวกลับเป็นฝั่ง เชลซี ที่ได้ประตูออกนำไปก่อน โดย อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่โหม่งเข้าไปได้ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความพยายามของเลสเตอร์ลดลง เพราะถ้าแพ้เกมนี้ เชลซี จะมีลุ้นทำอันดับขึ้นมารั้งที่ 3 แทนทันที
ด้วยความแข็งแกร่งและการวางแผนอันแยบยล รวมทั้งทีมเยือนอย่าง "สิงห์บลส์"ไร้ความเฉียบคม ทำให้ไม่สามารถนำห่าง 2-0 ได้ จึงเปิดโอกาสให้ "จิ้งจอกสีน้ำเงิน"กลับมาตามตีเสมอได้ โดย ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ยิงได้ ก่อนที่ เบน ชิลเวลล์ จะมายิงให้ทีมนำห่าง 2-1 และฝั่งเลสเตอร์ น่าจะนำเป็น 3-1 ด้วย ถ้า ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เฉียบคมกว่านี้อีกนิด
นั้นทำให้เชลซีรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ทันที เพราะเป็น อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ขึ้นมาโหม่งประตูที่สองของตัวเอง ช่วยให้ เชลซี ตามตีเสมอ 2-2 นั้นทำให้สุดท้ายทั้งสองทีมจึงจบลงด้วยการแชร์แต้มกันไป
ตอนนี้ เลสเตอร์ รั้งอันดับ 3 ของตาราง นำห่างเชลซี อันดับ 4 เป็น 8 คะแนน เกมหน้า "จิ้งจอกสีน้ำเงิน"บุกเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ฝั่งเชลซี เปิดรังรอรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูแล้วถ้าทั้ง 2 ทีม ไม่ชนะในเกมหน้า ทีมที่พร้อมจะขยับขึ้นมาลุ้นอันดับ 3 น่าจะเป็น สเปอร์ส ที่ฟอร์มแรงชนะ2เกมติดได้แล้ว แถมเพิ่งล้ม"เรือใบสีฟ้า"มาจากเกมล่าสุด
รหัส003 แมนฯยูฯไม่ฟื้น 5เกมหลังชนะเกมเดียว
ตอนนี้ "ปีศาจแดง" หล่นไปอยู่อันดับ 7 ของตารางแล้ว หลังผลงานแย่เอามากๆ 5เกมหลังสุด ชนะได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น เกมล่าสุดก็ทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-0 ทำให้ตอนนี้การลุ้นแย่งอันดับ 4 ของตารางดูแล้วจะยุ่งยากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้การขาดผู้เล่นคนสำคัญทั้ง ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด,ปอล ป็อกบา และ สก็อต แม็คโทมิเนย์
แม้ในช่วงตลาดนักเตะที่ผ่านมา ทางฝั่ง"ปีศาจแดง"จะได้แข้งมาเสริมทีมถึง 2 คน โดยคนแรกได้ลงประเดิมสนามไปแล้วก็คือ บรูโน่ แฟร์นันด์ ซึ่งถือว่าทำหน้าที่ในกองกลางได้ดี เพราะช่วยออกบอลให้เพื่อนได้สวยๆหลายครั้ง แถมกล้าจ่ายบอล หรือแม้แต่ยิงไกลได้ดี แถมยิงฟรีคิกก็ยังตรงกรอบ แต่สิ่งที่ขาดคือองค์ประกอบอื่นๆ
คือถ้าเราลองนึกภาพของแผงกองกลางของทีมนำโดย บรูโน่ แฟร์นันด์ ลงคู่กับ ปอล ป็อกบา แล้วมี สก็อต แม็คโทมิเนย์ คอยตามสะกัดกั้นเกมฝั่งตรงข้าม แล้วใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เล่นเกมริมเส้น แล้วเลือกใช้ เมสัน กรีนวู้ด หรือ โอเดียน อิกาโล่ เป็นกองหน้าตัวเป้า เกมของฝั่ง "ปีศาจแดง"น่าจะอันตรายมากขึ้น
ตอนนี้คงต้องหวังอย่างเดียวขอให้นักเตะที่บาดเจ็บ หายกลับมาช่วยทีมไว้ๆ และขอให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ กับ โอเดียน อิกาโล่ เข้าขากับเพื่อนร่วมทีมได้โดยเร็ว แม้ตอนนี้จะหล่นไปที่ 7 แต่การที่มีแต้มตามหลัง เชลซี เพียง 6 คะแนน ถ้าเกมหน้าบุกชนะได้ ช่องว่างจะเหลือ 3 แต้มทันที แต่ถ้าแพ้ขึ้นมา ต้องบอกว่าการลุ้นท็อปโฟร์ ของ"ปีศาจแดง"จบลงแล้ว และคงอยู่ที่บอร์ดบริหารแล้ว ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กับแมนฯยูไนเต็ด จะจบลงกันเมื่อไหร่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดโปรแกรม6นัดสู่แชมป์รอบ30ปีของลิเวอร์พูล
ยอมยกธงมั้ย!?เป๊ปว่าอย่างไรหลังตามลิเวอร์พูล22แต้ม
นี่แหละเฮีย!มูรินโญ่ยิ้มเยาะหลังกรรมการเป่าย้อนหลังให้จุดโทษแมนซิตี้
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand