'โรนัลโด้' เปิดใจหมดเปลือก รู้สึกถูกทรยศ - ไม่เคารพ 'เทน ฮาก'
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาเปิดใจหมดเปลือกเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองกับสโมสร รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่าง เอริค เทน ฮาก กุนซือของทีม
ศูนย์หน้าวัย 37 ปี ไร้ชื่อในทัพปีศาจแดง 2 เกมติดต่อกัน โดยทางสโมสรให้เหตุผลว่าเขามีอาการป่วย ผลงานซีซั่นนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงแข่งขันในทุกรายการไปแล้ว 23 นัด CR7 ลงเล่นไป 16 นัด ยิงได้เพียง 3 ประตู และทำ 2 แอสซิสต์ ถือว่าเป็นฟอร์มที่ไม่ดีนักสำหรับเจ้าตัว
ล่าสุด โรนัลโด้ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Piers Morgan นักข่าวชื่อดังของ THE SUN ถึงสถานการณ์ภายในของสโมสร และความไม่ลงรอยกับกุนซือชาวดัตช์
โดยประเด็นแรกกล่าวถึงพัฒนาการของสโมสร และการเข้ามาทำงานของ ราล์ฟ รังนิก ว่า "ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ ผมไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยที่สโมสร การพัฒนาเป็นศูนย์ ของทุกอย่าง ที่ฝึกซ้อม ยิม แม้กระทั่งอ่างจากุชชี่ ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยี แต่สิ่งที่ผมเห็นยังเหมือนสมัย ผม 20, 21, 22"
"สโมสรใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ โอเล่ (กุนนาร์ โซลชา) แล้วก็แต่งตั้งผู้อำนวยการกีฬา ราล์ฟ รังนิก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นโค้ชด้วยซ้ำ ถ้าคุณยังไม่เป็นแม้กระทั่งโค้ช คุณจะเป็นเจ้านายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ยังไง? ผมไม่เคยได้ยินเรื่องของเขาด้วยซ้ำ"
นอกจากนี้ โรนัลโด้ ยังโต้ตอบ เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนเก่าที่ระยะหลังมักออกมาวิจารณ์เขาว่า "ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม เวย์น ถึงวิจารณ์ผมอย่างหนัก บางทีอาจจะเพราะเขาเลิกค้าแข้งไปแล้วแต่ผมยังเล่นฟุตบอลอยู่ในระดับสูง ผมคงไม่พูดว่าผมดูดีกว่าเขาด้วย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง.."
ต่อมา โรนัลโด้ พูดถึงเรื่องสโมสร พยายามกดดันให้ย้ายออกไป และความสัมพันธ์ กับ เอริค เทน ฮาก
"ใช่ ไม่ใช่แค่โค้ช แต่อีก 2-3 คนในสโมสรด้วย ผมรู้สึกถูกหักหลัง ผมรู้สึกว่าบางคนไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่ปีที่แล้วด้วย"
"ผมไม่มีความเคารพในตัวเขา (เอริค เทน ฮาก) เพราะเขาไม่แสดงความเคารพต่อตัวผม ถ้าคุณไม่แสดงความเคารพในตัวผม ผมก็ไม่มีทางที่จะเคารพคุณ"
"แฟน ๆ อยู่เคียงข้างผมเสมอ ผมรู้สึกแบบนั้นทุกครั้งที่ผมออกไปข้างนอก เมื่อผมเดินที่ถนน พวกเขาพอใจกับสิ่งที่ผมทำในเรื่องของฟุตบอล"
"สำหรับผมแฟน ๆ คือทุกสิ่ง นั่นเป็นสาเหตุที่ผมมาให้สัมภาษณ์ เพราะผมคิดว่ามันเป็นเวลาที่ใช่แล้วในการจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจของผม"