4 เหตุผลที่ทำให้ 'เลสเตอร์ ซิตี้' กำลังประสบกับหายนะช่วงออกสตาร์ท

เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ 1 คะแนนจากการเปิดบ้านเสมอกับเบรนท์ฟอร์ด ในนัดแรกของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 หลังจากนั้นพวกเขาแพ้รวดทั้ง 5 เกมที่เหลือ และยังเสียผู้เล่นคนสำคัญออกจากทีมอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล และ เวสลีย์ โฟฟาน่า ฟอร์มการเล่นของทีมก็ยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม มันเป็นเพราะอะไร เหตุผลที่ทำให้จิ้งจอกยังไม่ฟื้น เราลองมาวิเคราะห์กัน 

เหตุผลแรก : การเสริมทัพอย่างจำกัด

ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จิ้งจอกสยามเสริมทัพผู้เล่นมาเพียง 2 คนเท่านั้น นั่นก็คือ อเล็กซ์ สมิธตี้ส์ ผู้รักษาประตูจากคาร์ดิฟฟ์ และ เว้าท์ ฟาส กองหลังจากแร็งส์ โดยใช้งบประมาณในการช็อปเพียง 15 ล้านปอนด์ เท่านั้น ซึ่งถ้าจะมองย้อนกลับไปที่บอร์ดบริหารสโมสรของสโมสร พวกเขาเพิ่งจะใช้งบประมาณก้อนโตจำนวน 100 ล้านปอนด์ ลงทุนสร้างสนามซ้อม “ซีเกรฟ” (Seagrave) สนามฝึกซ้อมแห่งใหม่นี้เป็นสนามฝึกซ้อมระดับเวิลด์คลาส บนพื้นที่กว่า 180 เอเคอร์ หรือ 455 ไร่ เป็นการลงทุนครั้งสำคัญของสโมสร ของคิง เพาเวอร์ และครอบครัวศรีวัฒนประภา ตั้งแต่เข้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2010

เหตุผลที่สอง : ปล่อยผู้เล่นฝีเท้าดีออกไปหลายคน

ตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ พวกเขาเสียผู้เล่นอย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล ออกไปจากทีมขายให้กับ นีซ ด้วยค่าตัวประมาณ 850,000 ปอนด์ รวมไปถึงบิ๊กดีลอย่างการปล่อยตัว เวสลีย์ โฟฟาน่า กองหลังของทีม ด้วยค่าตัว 71 ล้านปอนด์ ให้กับเชลซี สถานการณ์ผู้เล่นขาออกทำให้พวกเขามีกำไรกว่า 70 ล้านปอนด์ ในการเสริมทีมของช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองช่วงมกราคม นี้ ซึ่คาดว่าน่าจะเป็นตลาดที่คึกคักของเลสเตอร์ อย่างแน่นอน 

เหตุผลที่สาม : นักเตะหลายคนไม่มีสมาธิในการเล่น

ผู้เล่นคนสำคัญในทีมที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะอยู่หรือไป และมีข่าวลือหนาหูอย่างมากที่จะย้ายออกจากทีมอย่าง ยูริ ติเลอม็องส์ ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับทางอาร์เซน่อล, เชลซี  รวมไปถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยตอนนี้สัญญาของนักเตะที่เหลืออยู่กับทีม เหลือไม่ถึง 1 ปี แล้ว และยังไม่มีวีแววในการต่อสัญญาใหม่กับทีม ซึ่งหมายความว่า หากถึงช่วงปีใหม่ และการต่อสัญญายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ นักเตะจะสามารถพูดคุยกับสโมสรอื่นๆ และย้ายทีมแบบฟรีค่าตัวได้เลย หลังจากจบฤดูกาลนี้

เหตุผลที่สี่ : ร็อดเจอร์ส ยังไม่เป็นคนที่ใช่ ?

เนื่องจากผลงานของทีมมันย่ำแย่ คนที่จะต้องถูกตั้งคำถามก่อนนั่นก็คือตำแหน่งผู้จัดการทีม หรือกุนซือนั่นเอง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมในการมาคุมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เขาพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2020-21 ถือเป็นการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสต์ของสโมสร แต่มาถึงฤดูกาลนี้มันเป็นการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ และทำให้งานของเขาหนักอึ้ง บวกกับอนาคตที่ดูเหมือนว่าอาจจะต้องอำลาทีม ถูกพูดดึงเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ก่อนหน้านี้ เขาจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า บอร์ดบริหารยังคงไว้ใจให้เขาทำงานต่อไป และเขาก็จะมุ่งมั่นและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ฟอร์มการเล่นและผลงานของทีมกลับมาดีให้ได้

ที่มาภาพ : AFP