NIA ดันสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก | เศรษฐกิจ insight
NIA ประกาศปักธงดัน ดันไทยสู่ชาติ วัตกรรมไทย หนุนผู้ประกอบการกว่า 3 หมื่นโครงการ มูลค่ากว่า 3.5 พันล้าน สร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ระยะวลา 15 ปีที่ NIA มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ “ระบบนวัตกรรมแห่งชาติ” โดยมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยให้สามารถตั้งต้นและเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างคนรุ่นใหม่ที่เปิดรับและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่นำไปสู่ความเปลี่ยนเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม
ตั้งแต่ในปี 2547 ที่ “นวัตกรรม” เป็นแนวคิดใหม่ที่รัฐบาลนำมาใช้ในการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจจากการเป็นฐานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไปสู่การสร้างและพัฒนาสินค้าและบริการมูลค่าสูงเน้นตอบโจทย์การสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาไปสู่การใช้ประโยชน์ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม จนมาในปี 2552 ที่มีการจัดตั้ง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ
ตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งสำนักงานสู่การเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น หรือสตาร์ทอัพในปี พ.ศ. 2559 เพื่อสร้างนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ผ่านโครงการ Startup Thailand และในปี พ.ศ. 2562 ได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญอีกครั้งในการเชื่อมโยงแหล่งทุนนวัตกรรม เพื่อมุ่งสู่การเติบโตในอนาคตผ่านการขับเคลื่อนนวัตกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
โดยตลอด 15 ปี (พ.ศ. 2552 – 2567) ได้ให้การสนับสนุนโครงการนวัตกรรมกับผู้ประกอบการแล้ว 3,133 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการ 3,586 ล้านบาท และก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุน 50,350 ล้านบาท ตลอดจนเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงบริการพัฒนาและส่งเสริมสตาร์ทอัพระดับโลกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสตาร์ทอัพทั้งสัญชาติไทยและต่างประเทศ
สำหรับก้าวต่อไปภายใต้บทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม ” NIA พร้อมเชื่อมการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
และการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมระดับภูมิภาคผ่าน “โครงการนิลมังกร 10X” ที่มุ่งสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี และ“Global” เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากลผ่านโอกาสการขยายธุรกิจและการระดมทุน ด้วยบริการของ “Global Startup Hub และโปรแกรมส่งเสริมการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ” รวมถึงเร่งผลักดัน พ.ร.บ.สตาร์ทอัพ เพื่อเอื้อต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่เข้มแข็ง
ที่มา TNN
ข่าวแนะนำ