ทำความรู้จัก "สร้อยไข่มุกอ่าวไทย" ถมทะเล-สร้างเกาะ ป้องกันน้ำท่วมกรุง
แนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพและปริมณฑลในระยะยาว ภายใต้แนวคิดศึกษาโครงการ “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” ถมทะเล สร้างเกาะ
โครงการ “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาท เป็น 1 ใน 3 ของโครงการเมกะโปรเจกต์ ตามแผนการลงทุนของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นอกเหนือจาก “โครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้” หรือ “แลนด์บริดจ์” เชื่อมอันดามันและอ่าวไทย บริเวณจังหวัดระนองและชุมพร มูลค่า 1 ล้านล้านบาท และ “โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หรือ “กาสิโน” มูลค่าประมาณฯ 100,000 ล้าน แห่งบาท
โครงการ“สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” ถือเป็นโครงการใหม่ อยู่ระหว่างศึกษา ซึ่งหากลงทุนจริงจะใช้เงินจำนวนมาก และใช้เวลาก่อสร้างกว่า 20 ปี โครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่ทะเล ตั้งแต่กรุงเทพฯ สมุทรสงคราม ไปจนถึงชลบุรี ระยะทางประมาณ 100-150 กิโลเมตร โดยใช้วิธีถมทะเลอ่าวไทย เพื่อสร้างเกาะขึ้นมา 9 เกาะ แต่ละเกาะมีขนาดประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร พื้นที่เกาะห่างจากชายฝั่ง 1 กิโลเมตร มีประตูน้ำ เชื่อมระหว่างเกาะ เพื่อป้องกันน้ำทะเล โดยจะให้สัมปทานเอกชนที่ลงทุนบริหาร 99 ปี มูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาท
สำหรับชื่อที่ตั้งไว้เบื้องต้นว่า “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” เพราะแต่ละเกาะ มีลักษณะเหมือนไข่มุกร้อยกันเป็นเส้น มีประตูกั้นน้ำเชื่อมระหว่างกัน มีถนนเชื่อมกับพื้นที่ชายฝั่ง เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปยังเกาะต่างๆ ทั้งนี้เกาะแรกคาดว่าจะสร้างบริเวณบางขุนเทียน พื้นที่ของเกาะประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร ความยาวตามชายฝั่ง 10 กิโลเมตร
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ และพื้นที่โดยรอบ เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยได้ศึกษาและวางแผนไว้มานานแล้ว โดยจากผลการศึกษา กรณีภาวะโลกร้อนสูงสุด และน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้น้ำทะเลในอ่าวไทย สูงขึ้นถึง 5-6 เมตร ทำให้น้ำท่วมเข้ามาในพื้นที่ด้านอ่าวตัว ก. บริเวณอ่าวไทย กินพื้นที่การท่วมในพื้นที่ลุ่ม มากถึง 16,000 ตารางกิโลเมตร
โดยจังหวัดที่จะถูกน้ำท่วมแน่นอน คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และชลบุรีบางส่วน โดยเป็นพื้นที่ที่ต้องป้องกัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียกับเศรษฐกิจ และประชาชนเป็นอย่างมาก
สำหรับแนวคิดนี้ จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งในแง่ของภาครัฐ ที่ได้โครงสร้างพื้นฐานในการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ลุ่มในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่ลุ่มในภาคกลาง
ทั้งนี้ รัฐบาลจะหยิบยกแนวคิดนี้ ไปเริ่มต้นศึกษา เพื่อพิจารณาแนวคิดที่เหมาะสม และถูกต้องตามหลักวิชาการ ซึ่งต้องใช้องค์ความรู้ ทั้งทางวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมทางทะเล และวิศวกรรมสมุทร คาดว่าต้องใช้เวลานานหลายสิบปี ทั้งนี้ โครงการสร้างเกาะเทียม มีองค์ความรู้อยู่ในหลายประเทศ ที่มีการสร้างโครงการในลักษณะนี้แล้ว เช่น เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เนเธอร์แลนด์ เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง และสิงคโปร์ เป็นต้น
ภาพ: ENVATO
ข่าวแนะนำ