TNN โลกร้อนจัดต่อเนื่อง 13 เดือนติด อุณหภูมิสูงทุบสถิติทุกเดือนไม่หยุด

TNN

Earth

โลกร้อนจัดต่อเนื่อง 13 เดือนติด อุณหภูมิสูงทุบสถิติทุกเดือนไม่หยุด

โลกร้อนจัดต่อเนื่อง 13 เดือนติด อุณหภูมิสูงทุบสถิติทุกเดือนไม่หยุด

NOAA เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุดพบว่าอุณหภูมิโลกเดือนมิถุนายน 2024 สูงทุบสถิติ และทั่วโลกเผชิญอากาศร้อนจัดต่อเนื่องนาน 13 เดือนแล้ว

รายงานชิ้นใหม่ที่เผยแพร่โดยองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) ชี้ให้เห็นว่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิในศตวรรษที่ 20 อยู่ 1.22 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิเฉลี่ยในศตวรรษที่ 20 นั้นอยู่ที่ 15.5 องศาเซลเซียส ทำให้เดือนมิถุนายนปีนี้เป็นเดือนมิถุนายนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นเดือนที่ 13 แล้ว ที่อุณหภูมิโลกทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน


ศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ของโนอา ระบุว่า มีโอกาสเกือบร้อยละ 60 ที่ปี 2024 จะกลายเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกสถิติมา และมีโอกาสถึงร้อยละ 100 ที่จะติดอยู่ในห้าอันดับแรก


อุณหภูมิผิวน้ำทะเลในพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนสูงกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่มีบางส่วนของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกและแปซิฟิกตะวันออกเฉียงใต้ ที่อุณหภูมิผิวน้ำต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ส่วนมหาสมุทรทั่วโลกนั้น มีรายงานพบอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์มาตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2023


รายงานยังชี้ว่าช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนที่ผ่านมา อุณหภูมิพื้นผิวโลกสูงกว่าค่าเฉลี่ยในศตวรรษที่ 20 อยู่ถึง 1.29 องศาเซลเซียส ทำให้ช่วงหกเดือนนี้กลายเป็นช่วงหกเดือนแรกของปี ที่โลกร้อนมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา โดยทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป และแอฟริกาล้วนเผชิญช่วงเวลาที่อากาศร้อนที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ในอเมริกาเหนือตัวเลขอุณภูมินี้จัดอยู่ในอันดับที่สอง


สำหรับปริมาณหิมะปกคลุมในซีกโลกเหนือในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีขนาดเล็กที่สุดติดอันดับที่ 12 ในประวัติศาสตร์ และพบว่าปริมาณหิมะปกคลุมในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกล้วนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ยกเว้นบางส่วนของไซบีเรียตะวันตก และส่วนเล็กๆ บางแห่งของจีน ปากีสถาน และพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแคนาดาที่มีปริมาณหิมะสูงกว่าค่าเฉลี่ย


ขนาดของทะเลน้ำแข็ง (sea ice extent) ในทะเลทั่วโลกนั้น เล็กมากจนติดอันดับสองในรอบ 46 ปี อยู่ที่ 8 ล้าน 7 แสนตารางไมล์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1991-2020 อยู่ถึง 810,000 ตารางไมล์


ที่มา: Reuters

 


ข่าวแนะนำ