เตือนไทย "ฝนตกหนักถึงหนักมาก" ความรุนแรงใกล้เคียงเท่า "พายุเตี้ยนหมู่"
ทีมกรุ๊ป เตือนไทย "ฝนตกหนักถึงหนักมาก" หลายพื้นที่ ตั้งแต่ 27-28 กันยายน 2566 ความรุนแรงใกล้เคียงเท่า "พายุเตี้ยนหมู่"
ทีมกรุ๊ป เตือนไทย "ฝนตกหนักถึงหนักมาก" หลายพื้นที่ ตั้งแต่ 27-28 กันยายน 2566 ความรุนแรงใกล้เคียงเท่า "พายุเตี้ยนหมู่"
นายชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการและผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ บริษัททีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีมกรุ๊ป ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อตัวในทะเลจีนใต้ เคลื่อนที่ทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเข้าไทย ทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมากตั้งแต่ 27-28 กันยายน 2566 นี้
โดยมีความจำเป็นต้องระบายน้ำพร่องน้ำออกจากเขื่อนที่มีน้ำมากในแนวเส้นทางที่จะมีฝนตกหนัก เช่น เขื่อนลำปาว น้ำอูน หนองหาร และห้วยหลวง ซึ่งความรุนแรงของหย่อมความกดอากาศใกล้เคียงกับพายุเตี้ยนหมู่ ซึ่งอาจจะทำให้ฝนตกหนักมากในหลายพื้นที่
ขณะที่หย่อมความกดอากาศรุนแรงที่เคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามก่อนในวันที่ 25-26 กันยายน 2566 จะทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมาก ในพื้นที่ทางทิศใต้ของเมืองดานัง กรุงฮานอย และในพื้นที่ลาวตอนใต้ และจะเริ่มส่งผลกระทบต่อไทยทำให้ฝนตกปานกลางถึงตกหนัก ในจังหวัดอุบลราชธานี มุกดาหาร ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน และภาคตะวันออก
และเมื่อหย่อมความกดอากาศเคลื่อนเข้าไทย ก็จะมีหลายพื้นที่ฝนตกหนักตัั้งแต่ 27 กันยายน 2566 ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี และครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานตอนบนและอีสานตอนกลางทั้งหมด รวมถึงจังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน และภาคตะวันออก
ส่วน 28 กันยายน 2566 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในพื้นที่จังหวัด นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก และพื้นที่ใกล้เคียง แล้วเคลื่อนที่ออกจากประเทศไทยที่บริเวณใกล้อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
จากนั้นจะเคลื่อนเข้าสู่เมียนมา ทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมาก ที่เมืองย่างกุ้ง และนครเนย์ปิดอร์ตั้งแต่ 28-29 กันยายน
หลังจากนั้นตั้งแต่ 30 กันยายน 2566 ถึง 1 ตุลาคม 2566 จะขึ้นฝั่งที่อินเดีย ทำให้ฝนตกหนักถึงหนักมาก ที่เมืองภูวเนศวร และไปถึงกรุงนิวเดลี และพื้นที่ใกล้เคียง แล้วสลายตัวไปในอินเดีย
นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกลุ่มใหม่ ที่ก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ อีกด้วย คาดว่าจะขึ้นฝั่งเวียดนาม 1 ตุลาคม ทำให้ฝนตกหนักที่เมืองวิน ดองหอย ดองฮา และมีโอกาสจะเข้าถึงไทย ในแนวเส้นทางที่ซ้ำเติมแนวเดิมอีกด้วยจึงต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
ภาพจาก AFP