TNN online พายุระดับ 3 พุ่งเข้าไทย ประกาศพื้นที่สีแดง 47 จังหวัด อุตุฯชี้แจงแล้ว?

TNN ONLINE

Earth

พายุระดับ 3 พุ่งเข้าไทย ประกาศพื้นที่สีแดง 47 จังหวัด อุตุฯชี้แจงแล้ว?

พายุระดับ 3 พุ่งเข้าไทย ประกาศพื้นที่สีแดง 47 จังหวัด อุตุฯชี้แจงแล้ว?

สภาพอากาศ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไขข้อสงสัย "พายุระดับ 3" พุ่งเข้าไทย ประกาศพื้นที่สีแดง 47 จังหวัดจริงหรือ กรมอุตุฯชี้แจงแล้ว?

สภาพอากาศ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไขข้อสงสัย "พายุระดับ 3" พุ่งเข้าไทย ประกาศพื้นที่สีแดง 47 จังหวัดจริงหรือ กรมอุตุฯชี้แจงแล้ว?


จากกรณีที่มีการบอกต่อข้อมูลโดยระบุว่า ประกาศพื้นที่สีแดง 47 จังหวัด พายุระดับ 3 พุ่งเข้าถล่มไทย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา หากมีพายุเกิดขึ้นจริง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน 


ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 17 – 21 ธ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง โดยบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 6 – 8 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 3 – 5 องศาเซลเซียส 


สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 – 4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ทะเลอันดามันห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2 – 3 เมตร


ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อมิให้เกิดความสับสน และตื่นตระหนกขึ้นในสังคม หากมีสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพื่อเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tmd.go.th โทรสายด่วน 1182


บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่ได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา หากมีพายุเกิดขึ้นจริง กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ซึ่งวันที่ 17 – 21 ธ.ค. 65 ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงกับมีลมแรง ไม่ได้มีพายุเข้าถล่มประเทศไทยแต่อย่างใด




ที่มา ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม

ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง