โลกร้อนทำธารน้ำแข็งทเวสต์ในขั้วโลกใต้ ละลายเร็วสุดในรอบ 5,500 ปี

การละลายของธารน้ำแข็งทเวตส์เพิ่มปริมาณน้ำในทะเลประมาณ 50,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งการสูญเสียธารน้ำแข็งปริมาณมากและรวดเร็วขนาดนี้จะส่งผลทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก” มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนเปิดเผยข้อมูลว่า ภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบไปถึงธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ขั้วโลกใต้ เพราะเมื่ออุณหภูมิมหาสมุทรโลกนั้นอุ่นขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าจะไปส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็ง ทำให้แตกหักและละลายได้เร็วขึ้น ล่าสุด ธารน้ำแข็งทเวสต์ในแอนตาร์กติกา พื้นที่ประมาณ 192,000 ตารางกิโลเมตร ที่มีขนาดเท่ากับสหราชอาณาจักร มีอัตราการละลายเร็วที่สุดในรอบ 5,500 ปี การละลายของธารน้ำแข็งทเวตส์เพิ่มปริมาณน้ำในทะเลประมาณ 50,000 ล้านตันต่อปี ซึ่งการสูญเสียธารน้ำแข็งปริมาณมากและรวดเร็วขนาดนี้จะส่งผลทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ทีมนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ธารน้ำแข็งที่ละลายอย่างรวดเร็วนี้ จะทำให้ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นได้อีก 3-4 เมตรส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตอีกมากมาย เช่น หมีขั้วโลก เพนกวิน ปูหิมะ รวมถึงปลาต่างๆที่อาศัยโดยรอบเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ประชากรที่อาศัยริมชายฝั่งหลายร้อยล้านคนทั่วโลกก็จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติเช่นกัน โดยจะเจอกับพายุ ฝนตกหนักที่รุนแรงขึ้นและบ่อยขึ้น สำหรับกรุงเทพ อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 ถึง 2 เมตร เท่านั้น ดังนั้นหากธารน้ำแข็งทเวตส์พังทลาย ก็มีความเป็นไปได้ที่กรุงเทพและเมืองอื่นๆจะได้รับผลกระทบไปด้วย คนไทยอาจต้องเผชิญภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เกิดน้ำท่วมหนักขึ้นรวมถึงพื้นดินมีแนวโน้มทรุดตัว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั่นเอง