ก.ค.65 ทั่วโลกเผชิญสภาพอากาศสุดขั้ว

เริ่มกันที่ออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักทางด้านชายฝั่งตะวันออก ทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงขึ้นที่เมืองซิดนีย์ ประชาชนหลายพันคนได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ หลังจากที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่อินเดีย มรสุมประจำฤดูฝนนี้ มาเร็วกว่าปกติเกือบ 1 อาทิตย์ และพัดปกคลุมไปทั่วประเทศเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ แต่ทางด้านสำนักงานพยากรณ์อากาศของอินเดียบอกว่า ปริมาณฝนปีนี้อาจจะต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อยประมาณ 5% ส่วนทวีปยุโรป อย่างที่ประเทศอิตาลี เกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติเช่นกัน เกิดเหตุธารน้ำแข็งถล่ม บนภูเขามาร์โมลาดา ทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งเป็นยอดเขาสูงกว่า 3,300 เมตร สาเหตุมาคลื่นความร้อนที่รุนแรง ทำให้อากาศร้อนผิดปกติตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนเอเชียอย่างญี่ปุ่นและจีน อากาศร้อนจัดปกติก็เช่นกัน ที่เซี่ยงไฮ้ ประกาศเตือนภัยอากาศร้อนจัดระดับสีแดง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี หลังอุณหภูมิพุ่งสูง 40.9 องศาเซลเซียส ประชาชนป่วยเป็นลมแดดกันเป็นจำนวนมาก สำหรับคลื่นความร้อนรุนแรง อันตรายมาก เพราะทำให้เกิดภัยธรรมชาติอย่างไฟป่าตามมาอีก เดือนกรกฎาคมนี้นักดับเพลิงทางฝั่งยุโรปทำงานกันหนักมาก เกิดไฟป่าลุกลามหนักในหลายพื้นที่ ทั้งอังกฤษ โปรตุเกส โครเอเชีย สเปน ฝรั่งเศส องค์การสหประชาชาติเตือนว่า ที่ไฟป่ารุนแรงขนาดนี้เป็นผลมาจากภาวะโลกรวนที่เกิดจากการปล่อยคาร์บอน มลพิษต่างๆ ซึ่งเป็นฝีมือมนุษย์ ถ้าหากทั่วโลกไม่ช่วยกันควบคุม หรือลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นไปตามเป้า คาดว่าในอีก 28 ปีข้างหน้าทั่วโลกจะเกิดไฟป่าเพิ่มขึ้นอีก 30% ไม่เพียงแต่ไฟป่าเท่านั้น ภัยธรรมชาติต่างๆเช่น น้ำท่วม พายุ ก็จะรุนแรงขึ้นด้วย