WHO ชี้วิกฤตสภาพอากาศ ทำคนเสียชีวิตปีละ 3.5 ล้านคน
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า แต่ละปีมีผู้คนในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เสียชีวิตประมาณ 3.5 ล้านคน เนื่องจากสาเหตุทางสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (8 เม.ย.65) ทาเคชิ คาไซ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เปิดเผยว่า สภาพอากาศสุดขั้ว ทั้งความแห้งแล้ง, คลื่นความร้อน, ไต้ฝุ่น, น้ำท่วม และไฟป่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายส่วนของภูมิภาค ถึงเวลาที่จะลงมือปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในอนาคต
โดยทุก 14 วินาที มีหนึ่งคนในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศ พร้อมเตือนว่าระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพายุโซนร้อนที่เพิ่มขึ้น ลดการเข้าถึงน้ำจืด ทำให้ชายหาดและแนวปะการังเสื่อมโทรม และคุกคามชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในหมู่เกาะแปซิฟิก
โรคนำโดยพาหะที่เพิ่มขึ้นอย่างไข้เลือดออกและมาลาเรีย ความไม่มั่นคงทางอาหารและน้ำดื่มที่ปลอดภัย ความเสื่อมโทรมของดิน และเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว จะทำให้ระบบสาธารณสุขแบกรับภาระหนักขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้เจ็บป่วยง่ายอย่างไม่เป็นสัดส่วน
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก เปิดเผยข้อมูลในงานแถลงข่าว “สุขภาพและสิ่งแวดล้อม” ว่า ปัจจุบันมลภาวะและพลาสติกถูกค้นพบที่ก้นมหาสมุทรส่วนที่ลึกที่สุดและภูเขาที่สูงที่สุด รวมถึงเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์แล้ว
จากฐานข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลกยังพบว่า ประชากรโลกประมาณร้อยละ 99 หายใจเอาอากาศที่เกินขีดจำกัดคุณภาพอากาศขององค์การอนามัยโลก โดยประชาชนในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง มีความเสี่ยงต่อมลภาวะมากที่สุด และมลพิษทางอากาศได้ส่งผลให้ผู้คนเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรอย่างน้อย 7 ล้านคนในแต่ละปี.
ภาพจาก Reuters