ปอท.เผย ร้านให้บริการ WiFi ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ 90 วัน ผิดพ.ร.บ.คอมฯ
บก.ปอท.ร่วมกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จับกุมมือโพสต์ fake news ดำเนินคดีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำคุก 5 ปีปรับ 1 แสน วอน ร้านกาแฟให้บริการ WiFi เก็บข้อมูล log file 90 วัน
วันนี้ (8 ต.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. และสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหาที่เผยแพร่ข่าวที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกเกิดผลกระทบในวงกว้าง ทาง Facebook หรือ Fake News ในปฏิบัติการปราบปรามเนื้อหาไม่เหมาะสม
หลังจากที่สืบสวนพบว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ที่เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมบนสื่อออนไลน์และเว็บไซต์ ได้มีการสร้างกระแสข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์หรือ แฮชแท็ก ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงมีการโพสต์ข้อความหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมผ่าน facebook จนสร้างความเกลียดชัง และมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายร้อยข้อความ รวมไปถึงมีการแชร์ข้อความราว 50 ครั้ง จนทำให้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจ
ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สั่งการให้ บก.ปอท. ดำเนินการสืบสวน จนนำไปสู่การยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร โดยจับกุมผู้ต้องหาคือนายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ ได้ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 3 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.
นายพุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปเพราะว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการโพสต์ข้อความมาแล้วหลายครั้ง และมีเจตนาที่จะสร้างความเกลียดชัง จึงได้รวบรวมหลักฐานดำเนินคดี ซึ่งผู้ต้องหาสามารถที่จะหาหลักฐานมาต่อสู้ได้ตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่า มีกระบวนการสร้างความแตกแยก ด้วยการใส่ความคิดเห็นที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดจะถูกรวบรวมเพื่อดำเนินการตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(3) ส่วนจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่นั้น ให้เป็นดุลพินิจของศาลเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความตั้งใจ หรือเป็นความคิดส่วนตัวของรัฐบาล ในการดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหา
ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ คือยอมรับว่าเป็นผู้โพสท์ข้อความดังกล่าวจริง แต่ไม่มีเจตนาที่จะสร้างความเกลียดชัง เบื้องต้นจึงดำเนินคดีผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3) ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท รวมไปถึงฝากประชาสัมพันธ์ว่า กรณีดังกล่าวหากส่งต่อหรือแชร์ข้อความ เพราะถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (5) เช่นกัน
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ยังเปิดเผยถึงกรณีของเสี่ยท็อปด้วยว่า ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะถือว่าเป็นความผิดเฉพาะบุคคล รัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินหรือตั้งเป้าที่จะทำร้ายใคร จึงขอให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ รวมไปถึงผู้ถูกกล่าวหาก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรื่องของเสี่ยท๊อป ไม่ได้มีความสำคัญมากพอที่ทางรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับบุคคลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ประชาสัมพันธ์ให้ทางร้านกาแฟหรือร้านที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีด้าน WiFi ให้ช่วยเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ log file หรือข้อมูลการขอใช้ WiFi ภายในร้านในช่วงเวลา 90 วัน จึงขอความร่วมมือให้เก็บ log file ซึ่งถ้าหากผู้ประกอบการรายใดที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือไวไฟ ที่ไม่ได้เก็บ log file ไว้ จะถือว่ามีความผิดตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ