เตรียมเรียกนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยง เข้าตรวจโควิดซ้ำ หลังโอไมครอนระบาดหนัก
โฆษก ศบค. เตรียมเรียกนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงกว่าร้อยคน เข้าตรวจซ้ำหลังโอไมครอนระบาดหนัก ย้ำแผนเปิดประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มมาตราการเข้ม เร่งอุดช่องว่างความเชื่อไม่รับวัคซีน พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร
วันนี้ (1 ธ.ค.64) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ระบุว่า นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณะสุขที่มีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ที่ถือว่าทำได้ใกล้เคียง
และย้ำว่ามีวัคซีนเพียงพอ ซึ่งยังต้องวิเคราะห์การเข้าถึงวัคซีนที่ยังมีอีกหลายปัจจัย อาทิ ชุดข้อมูลความเชื่อ ระยะทางการเดินทางมารับวัคซีนและการเลือกชนิดวัคซีนทุกข้อที่เป็นประเด็นอุปสรรคปัญหา
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำแผนงานสร้างชุดข้อมูลเพื่ออุดช่องว่างดังกล่าวเพื่อให้คนไทยได้รับวัคซีนได้มากที่สุด และยืนยันว่าทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยกันเต็มที่แต่ต้องขอความร่วมมือกับประชาชน โดยเฉพาะทางภาคอีสานที่มีตัวเลขการฉีดวัคซีนเพียงร้อยละ 50 โดยย้ำว่าขณะนี้ไทยมีวัคซีนที่หลากหลายจึงอีกทั้งยังมีสถิติออกมาว่าการฉีดวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกัน
ขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขมีการนำเสนอกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. ว่า ขอคงมาตราการการตรวจรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาในลักษณะ RT-PCR อีกสัก ระยะแทนชุดตรวจ ATK ที่เล็งจะปรับแผนก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าจากประเทศเสี่ยงสูงมาก่อนหน้านี้จะมีการติดตามเพื่อตรวจซ้ำที่ได้รับรายงานว่าได้มีการติดตามกว่าประมาณหลัก 100 คน
ส่วนกรณีที่ นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าวัคซีนสูตรไขว้สู้โควิดกลายพันธุ์โอไมครอนได้นั้น นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า คงต้องใช้เวลาในการศึกษาแต่ในฐานะที่ นพ.ยง เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านดังกล่าวก็ถือว่าเป็นข่าวดี แต่อย่างไรก็ต้องรอการศึกษาเป็นทางการซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในหลายประเทศ
ขณะที่ อาการของโอไมครอนนั้น มีข้อมูลว่ามีอาการปวดเมื่อย และจมูกไม่ได้กลิ่นและลิ้นไม่รับรส แต่อย่างไรก็ได้รับรายงานว่าเสียชีวิตซึ่งชุดข้อมูลยังไม่ชัดเจนว่ามีอาการหนักหรือเบากว่าสายพันธุ์อื่น หรือคล้ายไข้หวัดหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แต่ขอให้ประชาชนยังคงรักษามาตรการและการ์ดอย่าตกและไม่ให้ส่งกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการท่องเที่ยวมากเกินไป ยืนยันว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้การดูแลอย่างเต็มที่
ส่วนแผนการเดินหน้าเปิดประเทศในระยะต่อไปยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่จะมีการเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้นโดยนายกรัฐมนตรีได้มีการเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด.
ภาพจาก AFP , Thaigov