TNN online ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" คาดได้ใช้ในอีก 2 สัปดาห์ เผยโควิด B.1.1.529 แพร่เชื้อได้เร็วและแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้า เพิ่มความรุนแรง และลดประสิทธิผลของมาตรการด้านสาธารณสุข

วันนี้ (27 พ.ย.64) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ชนิด B.1.1.529 หรือ "โอไมครอน" โดยได้ไขข้องใจถึงวิธีการตรวจคัดกรองว่าจะต้องทำอย่างไร 

โดยระบุว่า จะตรวจคัดกรอง "Omicron (B.1.1.529)" โควิดกลายพันธุ์ที่น่ากังวล (VOC) ตัวใหม่ล่าสุดกันอย่างไร? 

หลังจากเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2021 ประเทศแอฟริกาใต้ รายงานไปยัง WHO ถึงการตรวจพบ “B.1.1.529” จากตัวอย่างที่เก็บจากผู้ติดเชื้อคาดว่าเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2021

ต่อมา ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 WHO ได้กําหนดให้ B.1.1.529 เป็น สายพันธุ์ที่น่ากังวลใจ (variants of concern) โดยให้ชื่อว่า โอไมครอน (Omicron) เนื่องจากมีการแพร่ติดต่อระหว่างคนสู่คนอย่างรวดเร็ว และมีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิมถึงกว่า 60 ตำแหน่ง 

หลายตำแหน่งเป็นการกลายพันธุ์ที่ WHO เคยระบุไว้ว่าเป็น สายพันธุ์ที่น่ากังวลใจ (variants of concern; VOC) หรือสายพันธุ์ที่ต้องให้ความสนใจ (variants of interest; VOI) ในสายพันธุ์ อัลฟ่า เบต้า แกมม่า เดลต้า ฯลฯ

การวินิจฉัย “B.1.1.529” ทางห้องปฏิบัติการ ปัจจุบันยังคงตรวจพบสายพันธุ์นี้ได้ด้วยเทคนิค "ATK"  และ “PCR” อย่างไรก็ดี ห้องปฏิบัติการหลายแห่งระบุว่าสําหรับการทดสอบ PCR ที่ตรวจไวรัสโควิด 2019 พร้อมกัน 3 ยีน จะมียีน ‘S” ที่อาจจะตรวจจับไม่ได้เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ไปมาก (S dropout) WHO กล่าวว่าข้อสังเกตนี้สามารถใช้เป็นตัวคัดกรองตัวอย่างต้องสงสัยว่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอนได้

ล่าสุด วันนี้ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ประสานกับห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา รพ.รามาธิบดี ให้เฝ้าระวังตัวอย่าง S dropout หากพบเพื่อความรวดเร็วจะนำมาตรวจจีโนไทป์กับตัวตรวจตาม 40 ตำแหน่งด้วยเทคโนโลยี “Mass array” ให้แล้วเสร็จใน 24-48 ชั่วโมง เพื่อให้ทราบว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอน (B.1.1.529) ในเบื้องต้นหรือไม่ (ภาพที่ 1)


ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

อนึ่ง ชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน (B.1.1.529) 40 ตำแหน่งบนจีโนมไวรัสพร้อมกันด้วยเทตโนโลยี "Mass Array" คาดว่าจะแล้วเสร็จใช้งานได้ในอีก 2 สัปดาห์จากนี้

จากนั้นมีการยืนยันผลด้วยเครื่องถอดรหัสพันธุ์กรรมรุ่นที่ 3 (3rd generation sequencer) ซี่งจะถอดรหัส SARS-CoV-2 ทั้งจีโนมแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็วใน 48-72 ชั่วโมงโดยไม่ต้องรอทำตัวอย่างครั้งละมากๆ แต่หากมีความจำเป็นต้องทำจำนวนมาก สามารถรองรับการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 ได้ประมาณ 100 รายต่อสัปดาห์ เพื่อดูรายละเอียดของการกลายพันธุ์ (ภาพที่ 2) 


ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

ส่งลําดับจีโนมที่สมบูรณ์และข้อมูลที่เกี่ยวข้องทางระบาดวิทยาและทางคลินิกไปยังฐานข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เช่น “GISAID” ภายใน 48 ชั่วโมงหลังได้ข้อมูลรหัสพันธุ์กรรมทั้งจีโนมของโอไมครอน (ภาพที่ 3) 

ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

ร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์ กระทรวงสาธารสุขอย่างใกล้ชิดในการร่วมด้วยช่วยกันถอดรหัสพันธุไวรัสโคโรนา 2019 จากตัวอย่างทั่วประเทศ

Omicron (B.1.1.529) คาดว่าจะก่อให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในแอฟริกา (ภาพ 4) และอาจทั่วโลก


ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้


ขณะนี้ พบว่ามีการแพร่ติดต่ออย่างรวดเร็วเหนือกว่าเดลต้า และกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม (Wuhan virus) มากกว่า 60 ตำแหน่ง (ภาพ 5)


ศูนย์จีโนม รพ.รามาฯ ผลิตชุดตรวจโควิดสายพันธุ์โอไมครอน อีก 2 สัปดาห์ได้ใช้

*คำจำกัดความของการกลายพันธุ์ที่น่ากังวลใจ (variant of concern) ของ WHO คือ ไวรัสกลายพันธุ์ที่

1.มีการแพร่ติดต่อเพิ่มขึ้นที่จะเป็นอันตรายต่อประชาชน

2.เพิ่มความรุนแรงในด้านอาการทางคลินิก

3.ลดประสิทธิผลของมาตรการด้านสาธารณสุขและสังคม หรือการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ วัคซีน ยาต้านไวรัสที่มีใช้อยู่



ข้อมูลและภาพจาก Center for Medical Genomics

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง