'หมอธีระ' เปิด2ปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19

ภาพจาก แฟ้มภาพ

วันนี้ (14ก.ย.64) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 14 กันยายน 2564...

สายๆ จะทะลุ 226 ล้าน

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 396,979 คน รวมแล้วตอนนี้ 225,991,319 คน ตายเพิ่มอีก 6,470 คน ยอดตายรวม 4,651,352 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร ตุรกี อินเดีย และอิหร่าน  

อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 78,028 คน รวม 42,059,244 คน ตายเพิ่ม 602 คน ยอดเสียชีวิตรวม 679,481 คน อัตราตาย 1.6% 

อินเดีย ติดเพิ่ม 24,479 คน รวม 33,288,021 คน ตายเพิ่ม 468 คน ยอดเสียชีวิตรวม 443,375 คน อัตราตาย 1.3% 

บราซิล ติดเพิ่ม 6,645 คน รวม 21,006,424 คน ตายเพิ่ม 184 คน ยอดเสียชีวิตรวม 587,066 คน อัตราตาย 2.8%

สหราชอาณาจักร ติดเพิ่ม 30,825 คน ยอดรวม 7,256,559 คน ตายเพิ่ม 61 คน ยอดเสียชีวิตรวม 134,261 คน อัตราตาย 1.9% 

รัสเซีย ติดเพิ่ม 18,178 คน รวม 7,158,248 คน ตายเพิ่ม 719 ๆคน ยอดเสียชีวิตรวม 193,468 คน อัตราตาย 2.7% 

อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิหร่าน อาร์เจนติน่า และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 93.98 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน 

แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 

ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และะเวียดนาม ติดเพิ่มกันหลักหมื่น

ส่วนญี่ปุ่น เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา และลาว ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ของไทยเรา

จำนวนติดเชื้อใหม่ที่ทางการรายงานเมื่อวานนี้ 12,572 คนนั้น ยังคงสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก

แต่หากรวม ATK อีก 6,436 คน จะทำให้พุ่งไปเป็น 19,008 คน แซงมาเลเซียและรัสเซีย ขึ้นเป็นอันดับ 7 ของโลก

...กล่องทราย

ยังคงเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นชัดเจน จำนวนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังที่เคยเน้นย้ำหลายครั้งว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อการระบาดนั้นมาจาก 2 เรื่องคือ 

หนึ่ง การนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งปัจจัยนี้หากมีระบบการตรวจคัดกรองโรคและกักตัวอย่างเข้มข้นและตามหลักวิชาการแพทย์ ก็จะลดความเสี่ยงไปได้มาก เรื่องการได้รับหรือไม่ได้รับวัคซีนมานั้นไม่ค่อยเกิดประโยชน์ต่อการควบคุมการระบาดมากนัก เพราะฉีดมาก็ยังติดเชื้อแล้วนำพาเชื้อเข้ามาได้ หรือแม้แต่เข้ามาในพื้นที่แล้วมีพฤติกรรมเสี่ยงก็สามารถติดเชื้อแล้วแพร่ไปต่อคนอื่นได้เช่นกัน

และสอง การเกิดกิจการ กิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่มากขึ้น จำนวนคนมากขึ้น พบปะติดต่อ ค้าขาย บริการ มากขึ้น ใกล้ชิดคลุกคลี ใช้เวลาร่วมกันนานขึ้น ปัจจัยนี้แหละคือปัจจัยเสี่ยงหลัก ที่ทำให้เกิดการระบาดหนักขึ้น โดยทำให้การติดเชื้อที่มีแฝงอยู่ในพื้นที่ทวีความรุนแรงนั่นเอง

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ จำเป็นต้องจัดการควบคุม โดยการลดการเคลื่อนไหวให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และปูพรมตรวจเพื่อแยกคนติดเชื้อแล้วนำเข้าสู่ระบบดูแลรักษา และแยกคนสัมผัสความเสี่ยงมาสังเกตอาการ  

หากจะเรียนรู้จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ คงพอจะสรุปได้ว่า มีความจำเป็นที่จะต้องคุมและตัดวงจรการระบาด ขยายศักยภาพระบบการตรวจคัดกรองโรคให้ครอบคลุม เข้าถึงได้ง่าย และควรปรับนโยบายกล่องทราย ลดเป้าหมายเชิงจำนวนคนลง พร้อมทั้งปรับรูปแบบการใช้ชีวิต และการทำธุรกิจ กิจการ กิจกรรมต่างๆ ให้เน้นความปลอดภัย นอกจากนี้หน่วยงานในพื้นที่ควรจัดหาปัจจัยพื้นฐานที่ต้องใช้ป้องกันตัวในชีวิตประจำวันแจกจ่ายให้แก่ประชาชนอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ เช่น หน้ากากอนามัยพร้อมหน้ากากผ้า เจลแอลกอฮอล์/สเปรย์แอลกอฮอล์ ที่วัดอุณหภูมิ ฯลฯ 

สำหรับประชาชนอย่างพวกเราทุกคน คงต้องป้องกันตัวกันเคร่งครัดอย่างต่อเนื่อง

ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก

เลี่ยงการกินดื่มในร้านอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า

ด้วยรักและห่วงใย