TNN online "หมอเฉลิมชัย" เปิดผลวิจัยบาห์เรนเทียบประสิทธิผลวัคซีน 4 ยี่ห้อ!

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

"หมอเฉลิมชัย" เปิดผลวิจัยบาห์เรนเทียบประสิทธิผลวัคซีน 4 ยี่ห้อ!

หมอเฉลิมชัย เปิดผลวิจัยบาห์เรนเทียบประสิทธิผลวัคซีน 4 ยี่ห้อ!

"หมอเฉลิมชัย" เปิดผลวิจัยที่บาห์เรน เปรียบเทียบประสิทธิผลวัคซีน 4 ยี่ห้อ "ไฟเซอร์ , แอสตร้าฯ, สปุตนิก วี, ซิโนฟาร์ม"

วันนี้( 27 ส.ค.64) นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เพจเฟซบุ๊ก ระบุผลวิจัยจากบาห์เรน เปรียบเทียบประสิทธิผลวัคซีน 4 ยี่ห้อได้แก่ ไฟเซอร์ (Pfizer) แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) สปุตนิก ไฟว์ (Sputnik V) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ดังนี้

จากการที่พบ ไวรัสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ต่างๆหลากหลาย ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิผลของวัคซีน ซึ่งได้รับการพัฒนาไว้สำหรับต่อสู้ไวรัสสายพันธุ์เดิมจากอู่ฮั่น ว่าจะมีประสิทธิผลในโลกแห่งความเป็นจริง (Real world) เมื่อพบกับไวรัสกลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลต้ามากน้อยอย่างไร ใน 4 มิติ คือ 

1) การติดเชื้อ

2) ป่วยมีอาการ จนต้องนอนรพ.

3) ป่วยหนักเข้าไอซียู

4) การเสียชีวิต

รายงานการศึกษา ที่ทยอยออกมาเป็นระยะ ยังตอบคำถามได้ไม่เต็มที่นัก เนื่องจากมักจะเป็นรายงานการศึกษาของวัคซีนแต่ละชนิด ว่ามีประสิทธิผล(Effectiveness) ในโลกแห่งความเป็นจริง 

ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง และไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น

รายงานการศึกษาครั้งนี้ ที่บาห์เรน ได้แก้ปัญหาจุดอ่อนดังกล่าวโดยศึกษาเปรียบเทียบ การฉีดวัคซีนถึง 4 ชนิด ในประชากรของบาห์เรนในห้วงเวลาเดียวกันที่มีไวรัสชนิดเดียวกัน และดูในกลุ่มประชากรที่อายุใกล้เคียงกัน

ผลที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่ฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นชนิดใดใน 4 ชนิด ล้วนมีประโยชน์หรือมีประสิทธิผลในทุกมิติเหนือกว่ากลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนอย่างชัดเจน

ส่วนการเปรียบเทียบในรายละเอียดระหว่าง 4 วัคซีนกันเอง จากวัคซีนสองชนิดที่พอจะเปรียบเทียบกันได้ เพราะมีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีน และช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ Sinopharm และ Pfizer พบว่า

วัคซีนของ Pfizer มีประสิทธิผลเหนือกว่า Sinopharm 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. การเก็บสถิติ รวบรวมที่ประเทศบาห์เรน ซึ่งมีประชากร 1.5 ล้านคนและมีการฉีดวัคซีนไป 1 ล้านคน

2. ติดตามการฉีดวัคซีน 4 ชนิด ได้แก่

1) Pfizer 

2) AstraZeneca 

3) Sputnik V

4) Sinopharm 

โดยการติดตามนั้น จะดูผลลัพธ์ 4 มิติด้วยกัน ได้แก่

1) อัตราการติดเชื้อ

2) ป่วยมีอาการจนต้องนอนรพ.

3) ป่วยอาการหนักต้องเข้าไอซียู

4) อัตราการเสียชีวิต

พบว่าในช่วงวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ถึง 17 กรกฎาคม 2564 มีผู้ได้รับวัคซีน

Sinopharm 569,000 54 ราย

Sputnik V 184,526 ราย

AstraZeneca  73,765 ราย

Pfizer 169,058 ราย

พบว่าอายุเฉลี่ยในแต่ละกลุ่มวัคซีนใกล้เคียงกันคือ 35-39 ปี ประชากรที่รับวัคซีนส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และไวรัสสายพันธุ์ที่เด่นเป็นหลัก ได้แก่สายพันธุ์เดลต้า โดยจากการติดตามข้อมูลพบว่า มีผู้ติดเชื้อโดยวิธีทดสอบ PCR 180,840 ราย

มีอาการต้องเข้ารพ. 13,105 ราย 

อาการหนักเข้าไอซียู 1636 ราย

เสียชีวิตทั้งสิ้น 1030 ราย

เมื่อดูสถิติการเสียชีวิตพบว่า กลุ่มที่ฉีดวัคซีนทุกชนิด มีอัตราการเสียชีวิตน้อยกว่ากลุ่มไม่ฉีดวัคซีนอย่างมีนัยสำคัญ 

แต่ถ้าดูอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มฉีดวัคซีนของ

Sinopharm 0.46% 

Pfizer 0.15%

AstraZeneca 0.03% 

ในขณะเดียวกัน เมื่อดูสถิติตัวอื่นทั้งเรื่องการติดเชื้อ การต้องนอนโรงพยาบาล และการป่วยหนักเข้าไอซียูก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

การศึกษาครั้งนี้มีข้อจำกัด 

1) เรื่องจำนวนผู้ฉีดวัคซีนแต่ละชนิดไม่เท่ากัน แต่แก้ไขโดยการปรับเป็นสัดส่วนและสถิติทางระบาดวิทยาเพื่อลดข้อจำกัดดังกล่าว

2) เริ่มฉีดวัคซีนแต่ละชนิดไม่พร้อมกัน ได้แก้ไขโดยการตัดกลุ่มประชากรที่ฉีดวัคซีนบางชนิดเร็วเกินไปออก เทียบกันเฉพาะในช่วงเวลาที่ฉีดวัคซีนใกล้เคียงกัน และพบไวรัสเดลต้าเหมือนกัน

รายงานนี้จึงสรุปได้ว่า

1) วัคซีนทั้ง 4 ชนิดได้ผลดีเหนือกว่ากลุ่มไม่ฉีดวัคซีนในทุกมิติ ทั้งอัตราการติดเชื้อ การป่วยเข้าโรงพยาบาล การป่วยหนักเข้าไอซียู และการเสียชีวิต 

2) วัคซีนคู่ที่เทียบกันได้ทางสถิติคือ Pfizer กับ Sinopharm พบว่า Pfizer มีประสิทธิผลเหนือกว่าทั้ง 4 มิติ

3) วัคซีนของ AstraZeneca ดูจะมีบางมิติที่เหนือกว่า Pfizer และบางมิติที่พอๆกัน แต่การเปรียบเทียบยังทำได้ไม่ชัดเจน

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง