9 กลุ่มอาชีพ - ผู้ประกอบการแอปฯถุงเงิน รับเงินเยียวยายังไงเช็กเลย!
เปิดเงื่อนไข 9 กลุ่มอาชีพ - ประกอบการแอปฯถุงเงิน รับเงินเยียวยาอย่างไร เช็กเลยที่นี่มีคำตอบ
วันนี้( 14 ก.ค.64) ภายหลังจากที่ประชุมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐ เพิ่มเติมจากมติครม. เดิม เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 โดยให้ความช่วยเหลือระยะเวลา 1 เดือน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด (จากเดิม 6 จังหวัด) คือ กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ครอบคลุมประเภทกิจการรวม 9 สาขา (จากเดิม 4 กิจการ ) ได้แก่
(1) ก่อสร้าง
(2) ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร
(3) ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ
(4) กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ
(5) ขายส่งและการขายปลีก ซ่อมยานยนต์
(6) ขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
(7) กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน
(8) กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ
(9) ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร
สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ มีดังนี้
1.แรงงานในระบบประกันสังคม
-นายจ้างและผู้ประกอบการ รัฐบาลยังคงจ่ายให้นายจ้างตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน
-ลูกจ้าง จ่ายเพิ่มเป็น 2,500 บาท/คน จากที่ลูกจ้างจะได้รับตามมาตรการช่วยเหลือเดิมเพียง 2,000 บาท/คน ซึ่งเมื่อรวมกับจ่ายชดเชยเยียวยาร้อยละ 50 ของรายได้ให้ลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท ระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ทำให้ผู้ประกันตน ม.33 สัญชาติไทย จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่เกิน 10,000 บาท/คน
ผู้ประกันตน มาตรา 39 และ มาตรา 40
ที่ประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่อยู่นอกระบบมาตรา 33 ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (มาตรา 40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
2.นอกระบบประกันสังคม
กลุ่มผู้ประกอบการ/นายจ้าง กรณีมีลูกจ้าง ให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม (ม.33) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อที่นายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/หัว/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คน ซึ่งลูกจ้างสัญชาติไทยจะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ภายในเดือนก.ค.นี้ จะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน
เยียวยารายย่อย“ถุงเงิน”
ผู้ประกอบการในระบบ ถุงเงิน โครงการ คนละครึ่ง และโครงการ เราชนะ ขยายให้ความช่วยเหลือจากเดิมเฉพาะหมวดร้านอาหารและเครื่องดื่ม เป็น 5 กลุ่ม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้าน OTOP ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าบริการและกิจการขนส่งสาธารณะ (ไม่รวมกิจการขนาดใหญ่) กรณีที่มีลูกจ้าง ขอให้ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคมภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อนายจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ้าง 3,000 บาท/คน/สถานประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 200 คนและลูกจ้างสัญชาติไทย จะได้รับเงินช่วยเหลือ 2,500 บาท/คน กรณีที่ไม่มีลูกจ้าง ให้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันสังคม (ม.40) ภายในเดือน ก.ค. 64 เพื่อจะได้รับเงินในอัตรา 5,000 บาทต่อคน
สำหรับผู้ประกอบการระบบ ถุงเงิน ที่มีลูกจ้างแต่ยังไม่อยู่ในระบบประกันสังคมให้ขึ้นทะเบียนนายจ้างในระบบประกันสังคม พร้อมทั้งขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในระบบประกันสังคม ภายในเดือนก.ค. 2564 เพื่อให้สามารถได้รับความช่วยเหลือตามหลักการเดียวกันกับแรงงานและนายจ้างที่เพิ่งลงทะเบียนเข้าสู่ระบบประกันสังคม