TNN online อาเซียนทยอย "ล็อกดาวน์" หลังเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดหนัก

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

อาเซียนทยอย "ล็อกดาวน์" หลังเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดหนัก

อาเซียนทยอย ล็อกดาวน์ หลังเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าระบาดหนัก

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า ทำให้รัฐบาลของแต่ละประเทศต้องออกมาตรการคุมเข้ม

วันนี้ (10 ก.ค.64) หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดไปเมื่อวานนี้นั้น ในประเทศฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศก็ได้ทยอยออกมาตรการคุมเข้มเช่นกัน โดยประเทศ "อินโดนีเซีย" ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 2.4 ล้าน และในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 38,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าเดือนที่แล้วถึง 6 เท่า หลายโรงพยาบาลบนเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดกำลังประสบปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล และออกซิเจน เหลือน้อยลง 

ส่วนที่ "มาเลเซีย" มีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 9,100 คน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งไปอยู่ที่ 817,000 คน ขณะที่ชาวมาเลเซียอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มข้น จำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่มีแนวโน้มลดลง

ด้าน ประเทศ "เมียนมา" มีรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 4,000 คน สูงสุดในรอบหลายเดือน ทางการเมียนมาได้ออกคำสั่งให้ประชาชนใน 10 เขตของนครย่างกุ้ง อยู่แต่ในบ้านตั้งแต่วันพฤหัสฯที่ผ่านมา และห้ามออกจากบ้านมากกว่า 1 คน หากไม่ใช่ความจำเป็นทางการแพทย์ โดยพื้นที่ภายใต้คำสั่งดังกล่าวมีประชากรราว 1.5 ล้านคน และยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาบังคับใช้ของมาตรการนี้

ขณะที่ นครโฮจิมินห์ ประเทศ "เวียดนาม" บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์นาน 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ (วันศุกร์) ซึ่งก่อนหน้านี้ ประชากรในนครโฮจิมินห์กว่า 9 ล้านคน อยู่ภายใต้มาตรการจำกัดการเดินทางมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงขึ้น โดยพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วง 3 วันที่ผ่านมารวมกัน เป็นตัวเลขที่มากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของ 13 เดือนก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ทางการเวียดนามไม่ใช้คำว่าล็อกดาวน์ แต่เรียกมาตรการคุมเข้มว่า “คำสั่งให้โดดเดี่ยวทางสังคม” ห้ามผู้พำนักในนครโฮจิมินห์ รวมกลุ่มในที่สาธารณะเกิน 2 คน และจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้เพียงแค่ซื้ออาหาร ยา และเหตุฉุกเฉินอื่นๆ พร้อมสั่งระงับบริการรถไฟโดยสารระหว่างโฮจิมินห์และฮานอย 

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีอัตราการตรวจหาเชื้อที่ต่ำ เช่น 2 ประเทศที่ติดเชื้อสะสมสูงสุดอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ 

ดร.ดิ๊กกี้ บูดิแมน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัย Griffith กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังประสบปัญหาในการรับมือโควิดสายพันธุ์เดลต้า และจำเป็นต้องขยายวัคซีนให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อรับมือโรคระบาดในระดับใหญ่ 

ขณะนี้ ชาติอาเซียนยังมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ เช่น อินโดนีเซียฉีดวัคซีนให้ประชาชนครบโดสแล้ว เพียง 5.7% ของประชากร 270 ล้านคน ฟิลิปปินส์ฉีดครบโดสแล้ว 2.7% จากประชากร 100 ล้านคน ส่วนมาเลเซียฉีดวัคซีนไปแล้ว 9.3% ของประชากร 32 ล้านคน

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง