แพทย์ย้ำจำเป็นต้องล็อคดาวน์ ระยะสั้น2-4สัปดาห์ เพื่อตัดวงจรโควิดระบาด

วันนี้ (1มิ.ย.64) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” โดยระบุข้อความว่า สถานการณ์ทั่วโลก 1 มิถุนายน 2564...

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 353,046 คน รวมแล้วตอนนี้ 171,384,916 คน ตายเพิ่มอีก 7,719 คน ยอดตายรวม 3,564,523 คน

5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อินเดีย บราซิล อาร์เจนตินา โคลอมเบีย และอิหร่าน

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 5,141 คน รวม 34,048,800 คน ตายเพิ่ม 141 คน ยอดเสียชีวิตรวม 609,767 คน อัตราตาย 1.8% 

อินเดีย ติดเพิ่ม 126,698 คน รวม 28,173,655 คน ตายเพิ่ม 2,782 คน ยอดเสียชีวิตรวม 331,909 คน อัตราตาย 1.2% 

บราซิล ติดเพิ่ม 32,554 คน รวม 16,547,674 คน ตายเพิ่มถึง 874 คน ยอดเสียชีวิตรวม 462,966 คน อัตราตาย 2.8% 

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 1,211 คน ยอดรวม 5,667,324 คน ตายเพิ่ม 126 คน ยอดเสียชีวิตรวม 109,528 คน อัตราตาย 1.9%

ตุรกี ติดเพิ่ม 6,493 คน รวม 5,249,404 คน ตายเพิ่ม 122 คน ยอดเสียชีวิตรวม 47,527 คน อัตราตาย 0.9% 

อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี อาร์เจนติน่า และเยอรมัน ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่น

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย ชิลี อุรุกวัย เนเธอร์แลนด์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เนปาล และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่อยู่หลักร้อย ยกเว้นคาซักสถาน และยูเครน ที่ยังหลักพัน

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ส่วนอิหร่านหมื่นกว่าๆ

เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และสิงคโปร์ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...ดูภาพรวมจากสถิติใน Worldometer เช้านี้

สัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยเรามีจำนวนการเสียชีวิตต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า

หากมองเรื่องจำนวนเคสติดเชื้อใหม่ต่อสัปดาห์ ไทยเรามากเป็นอันดับที่ 10 จาก 48 ประเทศของเอเชีย ในขณะที่หากเทียบเป็นอันดับโลก จะอยู่ที่อันดับ 22 จาก 202 ประเทศ 

จำนวนติดเชื้อใหม่ต่อวันของเมื่อวานนี้ห้าพันกว่าคน ทำให้เราติดอันดับที่ 12 ของโลก 

คาดว่าอีกไม่กี่วัน ยอดรวมของเราจะแซงไนจีเรียขึ้นเป็นอันดับที่ 81 ได้

...จากความเคลื่อนไหวที่เราเห็นจากข่าวในช่วงนี้ สิ่งที่ควรเตรียมรับมือ มีดังนี้

หนึ่ง หลังเปิดเกาะวันนี้ หากดูบทเรียนของต่างประเทศ และดูจากประสบการณ์ในอดีตของไทยเราปีที่แล้วในเหตุการณ์อื่นๆ มาเทียบเคียง ช่วงเวลาที่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์คาดว่าจะเป็นช่วงกลางสิงหาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไวเพียงใดและมากน้อยเพียงใด

ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะบรรเทาลงได้ หากคนในพื้นที่ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิดให้เต็มที่ หน้ากากจำเป็นต้องใส่เสมอ พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัว ล้างมือบ่อยๆ และพยายามอยู่ห่างจากคนอื่น

ตระหนักไว้ว่าแม้ได้รับวัคซีนไป ป้องกันความรุนแรงหรือการเสียชีวิตได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังป่วยได้ ติดเชื้อได้ และนำพาเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ ทั้งในที่ทำงาน ในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันในสังคม และสำคัญที่สุดคือไปถึงสมาชิกในบ้าน

หากมีอาการไม่สบาย ควรหยุดเรียน หยุดงาน แล้วรีบไปตรวจรักษา

พื้นที่อื่นที่กำลังเปิดตามนั้น ยิ่งต้องระวัง เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้น ยากมากที่จะกำกับพฤติกรรม และบังคับเส้นทางเดินทางได้ ยิ่งหากไม่ใช่เกาะ ยิ่งเป็นไปได้ยากที่จะให้เดินทางในระบบปิดโดยไม่โต๋เต๋ออกนอกทางที่กำหนด 

สอง การตัดสินใจเชิงนโยบายนั้น จำเป้นต้องใช้ความรู้ที่ถูกต้องเป็นเข็มทิศ มิฉะนั้นจะไปผิดทิศผิดทาง และเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง

ขอให้จำไว้ว่า สถานการณ์ระบาดยังรุนแรง กระจายไปทั่ว และยังคุมไม่ได้

การเยียวยา ช่วยเหลือ ประคับประคองซึ่งกันและกันนั้นเป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ 

แต่ไม่ใช่การเข็นนโยบายหรือมาตรการที่ผ่อนคลาย เพิ่มความเสี่ยง ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าพื้นที่นั้นยังวิกฤติ 

Closeness, Contact duration, Frequency of contact หรือการใกล้ชิด/แออัด, การสัมผัสในระยะเวลานาน, และจำนวนครั้งในการพบปะหรือสัมผัส ทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคระบาด ขอให้ท่องจำไว้ให้ดี 

กิจการหรือกิจกรรมใดๆ ที่มีปัจจัยเสี่ยงข้างต้น หากการระบาดยังกระจายไปทั่ว แล้วมีการดำเนินการดังกล่าว ย่อมทำให้เสี่ยงต่อการระบาดไปอย่างมากได้

สิ่งที่ต้องทำขณะนี้ ยังย้ำเช่นเดิมคือ ตะลุยตรวจคัดกรองโรคให้มากขึ้น ครอบคลุมทุกพื้นที่ และต่อเนื่อง

จำเป็นต้องล็อคดาวน์พื้นที่ จังหวัด กลุ่มจังหวัด หรือภาค ระยะสั้น 2-4 สัปดาห์ เพื่อตัดวงจรการระบาด

และเร่งหาวัคซีนอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย หลากหลาย มาให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง mRNA vaccines นอกจากนี้บริบทประเทศไทยที่มีข้อจำกัดหลายด้าน การนำวัคซีนประเภทที่ฉีดครั้งเดียวเข้ามาใช้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ขอให้เราทุกคนมีกำลังใจ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดนะครับ ต้องอยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกัน

ด้วยรักและห่วงใย