TNN online "หมอธีระวัฒน์" เผย 5 ข้อ "เรื่องวัคซีน" ลั่นโควิดไม่มีอะไรง่าย

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

"หมอธีระวัฒน์" เผย 5 ข้อ "เรื่องวัคซีน" ลั่นโควิดไม่มีอะไรง่าย

หมอธีระวัฒน์ เผย 5 ข้อ เรื่องวัคซีน ลั่นโควิดไม่มีอะไรง่าย

"หมอธีระวัฒน์" เผย 5 ข้อเท็จจริง "เรื่องวัคซีน" ลั่นโควิดไม่มีอะไรง่าย ไม่เช่นนั้นผ่านมากว่า 1 ปีครึ่ง โลกทั้งโลกควรดีกว่านี้มากกว่านี้มาก

วันนี้( 25 พ.ค.64) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า

"เรื่องวัคซีน 25/5/64

ทุกคนในโลกนี้ ไม่อยากติด ไม่อยากตายและอย่างน้อยต้องการมีอะไรที่พอปกป้องได้ 

แต่การที่ไม่สามารถบอกได้ขัดเจนว่า ตัวไหนจะช่วยได้เพียงใดเพราะเป็นเรื่องซับซ้อน 

และ เมื่อนำมาประเมินในมนุษย์ในสถานการณ์จริงที่มีความเสี่ยง ปัจจัยประจำตัว ปริมาณเชื้อที่ได้รับ แม้เชื้อตัวเดียวกันก็ต่างกัน จะได้ผลในตัวเลขต่างๆที่เราเห็น

คนทั่วไปต้องการเพียงคำตอบ “ใช่-ไม่ใช่?” “อันไหนดี-ไม่ดี” “อันไหนดีกว่า?”

ในเรื่อง โควิด ไม่มีอะไรง่ายเพียงนั้น ไม่เช่นนั้นผ่านมา นานกว่า 1 ปีครึ่ง โลกทั้งโลกควรดีกว่านี้มากกว่านี้มาก

1-วัคซีนทุกตัวมี กลไล ทาง T เซลล์ TCell arm ของการออกฤทธ์ แต่จะมากจะน้อย ทั้งนี้ยังไม่เคยมีใครทำ head to head ดูเทียบกันตัวต่อตัวในทุกบริบท ของ T cell

และการต่อสู้กับไวรัส ต้องการทั้ง 2 ระบบร่วมกับภูมิในน้ำเหลืองจาก B เซลล์ และท้ายสุดต้องการระบบความจำ ที่ถูกปลุกมาได้ทันทีที่ติดเชื้อใหม่

2- sinovac กระตุ้นT cell เช่นกันที่เราทำที่ศูนย์

3- การดู efficacy การป้องกัน อาการไม่ให้หนัก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง

และเมื่อ การวินิจฉัยช้า การเริ่มรักษาช้า และการติดเชื้อ ไปจุดชนวนระยะการอักเสบจนถึงวิกฤติ ขณะนั้นแม้ไวร้สจะปริมาณลดลง แต่การดำเนินของโรคและความรุนแรงจะยกระดับขึ้นทันที และอาการหนักรวมทั้งต้องให้ยาซับซ้อนที่อาจมีผลข้างเคียงมากขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนได้ผลน้อยลง

4- แม้แต่การดูระดับการยับยั้งไวรัสของภูมิในน้ำเหลือง  antibody ที่ได้จาก วัคซีนต่างๆ ต่อเชื้อตัวเดียวกัน ก็ดีหมด แต่ขีวิตจริงต่างออกไป

5- สิ่งที่ทุกคนไม่อยากเห็นคือการที่สร้างเสริมภูมิในน้ำเหลืองสูงมากๆ แต่ไม่เหมาะเจาะกับไวรัสใหม่ เช่น สาย

แอฟริกัน แทนที่จะช่วย กลับทำให้มีการอักเสบลุกลามมากขึ้น และความรุนแรงในคนติดเชื้อเดิม หรือได้วัคซีนที่ไม่เหมาะเจาะกับตัวใหม่ จะมากกว่าที่เป็น และเป็นกลไกที่ทราบกันตั้งแต่ ปี 1960 และเกืดขึ้นในไวรัสอื่นๆ รวมทั้งวัคซีนต่อไวรัสอื่นๆ"


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง