TNN online ผลทดสอบวัคซีนกับโควิดสายพันธุ์อินเดีย หนีการยับยั้งแอนติบอดีสูงถึง7เท่า

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

ผลทดสอบวัคซีนกับโควิดสายพันธุ์อินเดีย หนีการยับยั้งแอนติบอดีสูงถึง7เท่า

ผลทดสอบวัคซีนกับโควิดสายพันธุ์อินเดีย หนีการยับยั้งแอนติบอดีสูงถึง7เท่า

ด้านทีมวิจัยสหรัฐได้นำวัคซีน Moderna และ Pfizer ไปทดสอบกับโควิดสายพันธุ์อินเดีย พบหนีการยับยั้งของแอนติบอดีสูงถึง 7 เท่า แต่ยังเพียงพอที่ภูมิต้านทานจากวัคซีน2เข็มจะยับยั้งไวรัสได้อยู่

วันนี้ (11พ.ค.64) องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.617 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563 เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล variant of concern (VOC)  และดูเหมือนแพร่เชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่วัคซีนโควิด-19 อาจมีประสิทธิภาพลดลง เมื่อเผชิญกับสายพันธุ์นี้

ก่อนหน้าที่ มีเชื้อกลายพันธุ์ 3 ชนิด ที่ WHO  ประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล  ได้แก่ 

- สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7) พบว่า  ระบาดเร็ว, เลี่ยงภูมิคุ้มกัน

- สายพันธุ์บราซิล (B.1.1.28.1 หรือ P.1) : เลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดี, ลดประสิทธิภาพวัคซีน

- สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) : มีความสามารถรวมกันทั้งหมด  คือ ระบาดเร็ว, เลี่ยงภูมิคุ้มกัน ,ลดประสิทธิภาพวัคซีน

โควิดสายพันธุ์อินเดีย “B.1.617” หรือ โควิด กลายพันธุ์คู่ "Double mutant"   มีการกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง คือ L452R ที่เชื่อว่าช่วยให้ไวรัสจับกับโปรตีนตัวรับได้ดีขึ้นและหนีการจับกับแอนติบอดีได้ และในตำแหน่ง T478K ที่อาจส่งผลให้ไวรัสหนีภูมิคุ้มกันได้ รวมทั้งยังพบการขาดหายไปของกรดอะมิโนสองตำแหน่งคือ ตำแหน่งที่ 157-158 ซึ่งมักพบในไวรัสที่หนีภูมิคุ้มกันได้

โควิดสายพันธุ์อินเดีย ยังมีการแยกสายพันธุ์ย่อย ออกมาเป็น  สายพันธุ์  B.1.617.2  มีการกลายพันธุ์ 8 ตำแหน่งบนโปรตีนสไปค์ ระบาดหนักในอังกฤษ จนต้องประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล        

ขณะที่ สายพันธุ์ย่อย อีกสายพันธุ์คือ  B.1.618  ที่กลายพันธุ์ 3 ตำแหน่ง(Triple mutant)  ระบาดในรัฐเบงกอลตะวันตก

ทีมวิจัยจากสหรัฐ ได้นำไวรัสโควิดอินเดีย  B.1.617.2 มาทดสอบกับเซรั่มของผู้ป่วยที่หายแล้ว และเป็นเซรั่มของคนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มทั้งจาก Moderna และ Pfizer พบว่า ไวรัสหนีการยับยั้งของแอนติบอดีในซีรั่มได้สูงพอสมควร อยู่ที่  6.5 - 7 เท่า ใกล้เคียงกับไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้และบราซิล  แต่ข่าวดีคือภูมิคุ้มกันในเซรั่มส่วนใหญ่ที่นำมาทดสอบ ถึงแม้จะถูกไวรัสหนีได้ไปกว่า 7 เท่า ระดับก็ยังมีมากพอที่จะยับยั้งไวรัสได้อยู่ แสดงว่าถ้าเรารักษาระดับภูมิคุ้มกันให้สูงไว้ ถึงแม้จะลดลงมาสัก 7 เท่า ก็จะยังเพียงพอในการป้องกันจากไวรัสสายพันธุ์นี้ แต่ถ้าไม่มีภูมิเลยหรือภูมิน้อย จะเป็นปัญหาแน่นอน

ขณะที่อังกฤษพบการระบาดโควิดอินเดียสายพันธุ์ B.1.617.2 ในสถานดูแลคนชราในลอนดอน ทีมวิจัยอังกฤษ พบว่ามี 15รายที่ได้รับวัคซีน Oxford และ AstraZeneca ครบแล้ว 2 โดส พบว่า ไม่มีรายใดเสียชีวิต อีกทั้งพบว่าวัคซีน มีประสิทธิภาพ 85% ในการป้องกันความรุนแรงของโรค    

ปัจจุบันโควิดอินเดีย สายพันธุ์ B.1.617.2  พบติดเชื้อแล้วแล้ว กว่า 31 ประเทศ ทั้งในอเมริกา ยุโรป  เอเชีย ล่าสุดสิงคโปร์ติดเชื้อแล้ว 10 ราย

อย่างไรก็ตาม WHO ย้ำว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ยังคงเป็นเรื่องจำเป็นและเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโควิด-19

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง