ร้านอาหารเสี่ยงเจ๊ง วอน "บิ๊กตู่" ผ่อนปรน
ร้านอาหารเสี่ยงเข้าขั้นวิกฤติส่อแววเจ๊ง หลังรัฐคุมพื้นที่สีแดงเข้มสกัดโควิดห้ามนั่ง 14 วัน วอน "บิ๊กตู่" ผ่อนปรนนั่งรับประทานอาหารในร้านไม่เกิน 21.00น. ด้านโรงแรมงดให้บริการไปจนถึงต.ค.
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) เพื่อขอให้ทบทวนคำสั่งไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากสมาคมได้รับข้อร้องเรียนจากสมาชิกผู้ประกอบการร้านอาหารว่า ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จากการระบาดระลอกก่อนหน้านี้ก็มีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยต้องเลิกกิจการพร้อมกับหนี้สิน และอีกจำนวนมากกำลังเข้าสู่จุดวิกฤต อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการต้องปิดกิจการจากมาตรการครั้งนี้
นอกจากนี้ หากปล่อยให้ประกาศดังกล่าวเต็มเวลา 14 วัน จะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง มูลค่าความเสียหายของธุรกิจร้านอาหารอยู่ที่ 1,400 ล้านบาทต่อวัน รวมถึงธุรกิจร้านอาหารมีห่วงโซ่เชื่อมโยงต่อธุรกิจอื่นๆ มากมาย โดยเฉพาะภาคการเกษตรจะได้รับผลกระทบด้วย จึงมีข้อเรียกร้องยังนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณา 2 ข้อ ได้แก่
1.อนุญาตให้ร้านอาหารสามารถนั่งรับประทานในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. งดนั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน และขอให้พิจารณาอนุญาตตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค.นี้ 2. ขอให้รัฐออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ถูกกระทบจากโควิดตั้งแต่รอบแรกจนมาถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ โดยขอให้พิจารณาเยียวยา เช่น ค่าจ้างเงินเดือน 50% งดการจัดเก็บภาษีในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมาผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย เป็นเวลา 6 เดือน และพักการชำระเงินต้นเป็นเวลา 1 ปี
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สมาคมได้หารือกับสมาชิกพบว่า โควิดระลอก-3 ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเหลือเพียง 5% และมีโอกาสที่โรงแรมกว่า 80% ที่เป็นสมาชิก อาจงดให้บริการชั่วคราวยาวจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ หรือจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายลง
สำหรับการระบาดโควิดระลอก 3 ซ้ำเติมสถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว และคาดว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับสู่สภาวะปกติประมาณปี 66 โดยกลุ่มโรงแรมหรูในกลุ่มลักชัวรี่ จะกลับมาเร็วกว่าโรงแรมขนาดกลางและเล็ก ซึ่งต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน ได้แก่ 1.สนับสนุนค่าจ้างงานเดิม เพื่อไม่ให้มีการลดพนักงาน หรือเลิกจ้างซ้ำเติมเศรษฐกิจ 2.การพักชำระหนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ย โดยกลุ่มที่พึ่งพาเงินกู้ยืมต้องการให้ภาครัฐพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยมากสุด และกลุ่มที่มีเงินทุนหนา มีบริษัทแม่คอยดูแลเรื่องของสภาพคล่องต้องการช่วยในเรื่องของการจ้างงาน และ3.มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว