TNN online หมอธีระวัฒน์เตือนอย่าปล่อยให้ติดเชื้อรุนแรงสร้าง “โควิดพันธุ์ไทย” กำราบยาก

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

หมอธีระวัฒน์เตือนอย่าปล่อยให้ติดเชื้อรุนแรงสร้าง “โควิดพันธุ์ไทย” กำราบยาก

หมอธีระวัฒน์เตือนอย่าปล่อยให้ติดเชื้อรุนแรงสร้าง “โควิดพันธุ์ไทย” กำราบยาก

หมอธีระวัฒน์โพสต์เตือนอย่าปล่อยให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงสร้าง “โควิดพันธุ์ไทย” ซ้ำรอยอินเดีย-ฟิลิปปินส์ ดื้อกำราบยาก

วันนี้ ( 17 เม.. 64 ).นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา"หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า 


เราเตือนกันมา 2 สัปดาห้แล้วว่า ถ้าปล่อยให้ติดรุนแรง เขื้อจะเก่งขึ้นจนดื้อๆๆ ไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังเรื่องในประเทศฟิลิปปินส์และในประเทศอินเดียและในที่สุดองค์การอนามัยโลกก็ออกมาเตือนแล้ว กลายพันธุ์คู่ของ อินเดีย และเราทราบแล้วว่าฟิลิปปินส์เป็นกลายพันธุ์คี่ คือ 3 และมีอีกหลายท่อนที่เปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมไปยังมโหฬารคนไทยต้องการเชื้อโควิดสายพันธุ์ไทยหรือ


India: WHO เตือน “โควิดกลายพันธุ์คู่” ที่เพิ่งพบในอินเดีย ติดต่อได้ง่ายขึ้น และอาจลดประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิด โดยมีรายงานพบโควิดกลายพันธุ์คู่นี้ ทั่วเอเชียและอเมริกาเหนือแล้วดอกเตอร์ มาเรีย แวน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวเมื่อวานนี้ (16 เมษายนว่า “โควิดกลายพันธุ์คู่” ที่พบครั้งแรกในอินเดีย มีชื่อว่า “B.1.617” อาจติดต่อได้ง่ายขึ้น และลดประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิดลง ส่วนที่เรียกว่ากลายพันธุ์คู่ เนื่องจากพบการกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่งในไวรัสตัวเดียว คือที่ตำแหน่ง E484Q และตำแหน่ง L452R  หลังจากพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โควิดกลายพันธุ์คู่ตัวนี้ ก็ระบาดมากขึ้นในอินเดีย 


ดอกเตอร์เคิร์คโฮฟ เปิดเผยด้วยว่า โควิดกลายพันธุ์คู่ของอินเดียนี้ กำลังระบาดไปทั่วทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาเหนือแล้ว โดย WHO ได้รับรายงานการระบาดของโควิดกลายพันธุ์คู่อินเดีย  B.1.617 นี้ จากหลายประเทศทั่วทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาเหนือ


ดอกเตอร์เคิร์คโฮฟ ระบุสิ่งที่น่ากังวลว่า การกลายพันธุ์ใน 2 ตำแหน่งข้างต้น ที่พบในโควิดกลายพันธุ์คู่ของอินเดียนี้ ทางนักวิทยาศาสตร์นอกอินเดีย ก็ตรวจพบการกลายพันธุ์คู่นี้ในโควิดกลายพันธุ์ตัวอื่น  อีกหลายตัวทั่วโลกด้วย ซึ่งทำให้โควิดกลายพันธ์ุคู่เหล่านั้น มีคุณสมบัติติดต่อได้ง่ายขึ้นและลดประสิทธิภาพของวัคซีนลง


โควิดกลายพันธุ์คู่  B.1.617 พบครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมปี 2020 ใน 2 รัฐของอินเดีย ตรวจพบโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของอินเดียด้านการถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสก่อโรคโควิด-19


ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียก็ออกมาเตือนในวันเดียวกับ WHO ว่า โควิดกลายพันธุ์คู่ในอินเดียตัวนี้ อาจทำให้อัตราการติดเชื้อโควิดในอินเดีย สูงขึ้นอีก และอาจมีความสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย ท่ามกลางสถานการณ์ระบาดในอินเดีย ที่รุนแรงที่สุดในโลกในขณะนี้ หลังเกิดการระบาดรอบ 2 และผู้ติดเชื้อรายวันล่าสุด ทะลุ 233,000 คนในวันเดียว ทุบสถิติใหม่เป็นครั้งที่ 11


อย่างไรก็ตาม โควิดกลายพันธุ์คู่ที่พบครั้งแรกในอินเดียนี้ WHO ระบุว่า เป็นเพียงหนึ่งในไวรัสโควิดกลายพันธุ์หลายตัว ที่ WHO กำลังติดตามตรวจสอบอยู่เท่านั้น หมายความว่า โควิดกลายพันธุ์คู่ตัวนี้ ยังไม่ได้เป็นเหตุผลให้ WHO ต้องเพิ่มมาตรการด้านสาธารณสุขให้เข้มงวดขึ้นแต่อย่างใด

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง