สงครามวัคซีนเริ่มแล้ว! อียูเตรียมคุมเข้มส่งออก
อียูเตรียมคุมเข้มการส่งออกวัคซีนต้านโควิด-19 ไปยังประเทศนอกกลุ่ม หลังพบว่าเกิดความล่าช้าอย่างมากในการผลิตและแจกจ่ายวัคซีน
วันนี้ ( 26 ม.ค. 64 )สงครามการแก่งแยกวัคซีน อย่างที่องค์การอนามัยโลกเคยเตือนตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ว่าประเทศยากจนอาจไม่ได้รับวัคซีนที่เพียงพอ เนื่องจากประเทศร่ำรวยกว้านซื้อไปหมด
ตอนนี้ดูเหมือนจะกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
สหภาพยุโรป หรือ อียู ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัท ‘แอสตราเซเนกา’ ของสหราชอาณาจักรว่า จะคุมเข้มการส่งออกวัคซีนต้านโควิด-19 ไปยังประเทศนอกสหภาพ หลังทางบริษัทผลิตวัคซีนได้ไม่ตามเป้ากว่าครึ่ง ส่งผลให้กระบวนการแจกจ่ายวัคซีนนั้นล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก .. แต่กลับสามารถส่งออกวัคซีนไปประเทศนอกยุโรปได้
เมื่อวานนี้จึงเกิดการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของอียู และบริษัทแอสตราเซเนกา เพื่อขอความชัดเจนว่าเหตุใดวัคซีนจึงขาดแคลน
การแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทแอซตราเซเนกา ได้แจ้งกับทางอียูว่า เกิดปัญหาในกระบวนการผลิต จึงทำให้จำนวนวัคซีนชุดแรกที่จะส่งให้ชาติสมาชิกอียูนั้นต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้อย่างมาก
ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า แอสตราเซเนกา มีแผนการที่จะส่งวัคซีน 80 ล้านโดส ให้กับ 27 ชาติสมาชิกอียู ภายในเดือนมีนาคมนี้ แต่มีแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า อียู จะได้รับวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ในไตรมาสแรกเพียง 31 ล้านโดส ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ถึง 61%
โดยทางกลุ่มได้ทำสัญญาซื้อวัคซีนให้ 27 ชาติสมาชิกถึง 336 ล้านยูโร หรือกว่า 12,220 ล้านบาท เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นข้อตกลงซื้อวัคซีนแรกของทางสหภาพ เพื่อตั้งเป้าว่าจะได้รับวัคซีน 300 ล้านโดส ของบริษัทที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
สเตลลา คิเลียคิเดส (Stella Kyriakides) กรรมาธิการยุโรปด้านสาธารณสุข ระบุว่า อียูจำเป็นต้องดำเนินการเช่นนี้เพื่อเป็นการปกป้องประชาชนในกลุ่มของตนเอง และความล่าช้าเช่นนี้เป็นเรื่องที่ “รับไม่ได้” พร้อมเตือนว่า “ในอนาคต บริษัทที่ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ที่อยู่ในอียู จะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า หากจะส่งออกวัคซีนไปยังประเทศที่ 3
พร้อมกับเริ่มมีการพูดถึง "การปรับเงิน" ด้วย เพราะทางกลุ่มกังวลว่าปริมาณโดสที่พวกเขาจ่ายเงินซื้อมานั้น อาจถูกส่งไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของโลกก่อน เพราะแอสตราเซเนกา มีสัญญาผูกพันในการผลิตตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และดูเหมือนจะมีการส่งไปพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลกแบบไม่ล่าช้า รวมทั้งอังกฤษ
เธอยังทวิตข้อความหลังประชุมร่วมกับแอสตราเซเนกาว่า การหารือจบลงอย่าง “ไม่น่าพึงพอใจ เพราะทางบริษัทไม่ชัดเจนและไม่ให้คำอธิบายที่เพียงพอ” โดยสหภาพยุโรปร้องขอให้ทางบริษัท “ชี้แจงแผนการจัดส่งวัคซีนอย่างละเอียด” ในการประชุมครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นวันพุธนี้
ด้านนางอัวร์ซูลา ฟอน เดอ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า จะเร่งคุยกับแอสตราเซเนกา เพื่อเตือนเขาถึง “ข้อตกลงร่วมที่ได้ทำเอาไว้”
ขณะที่ทางโฆษกของบริษัท ระบุว่า ทางบริษัทแอสตราเซเนกา กำลังทำทุกทางที่ทำได้ เพื่อจัดส่งวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย
การจัดซื้อวัคซีนจากแอสตราเซเนกาสำหรับประเทศสมาชิก EU 27 ประเทศนั้น ทางสหภาพยุโรปเป็นดำเนินการจัดซื้อแทนรัฐบาลของแต่ละประเทศ
ทั้งนี้ การแจกจ่ายวัคซีนในชาติ EU กลับค่อนข้างล่าช้า เป็นผลจากบริษัท ‘ไฟเซอร์ ไบออนเทค’ ของสหรัฐฯ จัดส่งวัคซีนได้น้อยกว่าที่ตกลงไว้ บางประเทศถึงกับขู่จะฟ้องร้องทางกฎหมายกับ ‘ไฟเซอร์ ไบออนเทค’
และมาวันนี้ แอสตราเซเนกา ยังระบุว่าจะจัดส่งวัคซีนให้ EU ได้น้อยกว่าที่ตกลงไว้กว่าครึ่ง จึงสร้างความไม่พอใจต่อสหภาพยุโรปอย่างมาก
หาก EU คุมเข้มการส่งออกวัคซีนจริง อาจกระทบต่อการส่งออกวัคซีนของบริษัทผู้ผลิตต่างๆ ที่มีฐานการผลิตอยู่ในยุโรป ทั้ง แอสตราเซเนกา และไฟเซอร์/ไบออนเทค
ปัจจุบัน แม้วัคซีนของแอสตราเซเนกา ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานได้ในชาติ EU แต่คาดว่าองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปจะไฟเขียวให้ใช้กับประชาชนได้ในวันที่ 29 มกราคมนี้ และตั้งเป้าฉีดให้ประชาชนได้ 15 กุมภาพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่แค่อียูเท่านั้น ที่ประสบความล่าช้า สำนักข่าวดอชเชอร์ วัลเลอร์ รายงานว่า ทั้งออสเตรเลีย และประเทศไทย ก็พบว่าอาจเผชิญความล่าช้าในการรักวัคซีนด้วยเช่นกัน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline