เปิดผลวิจัย "หน้ากากอนามัย" แบบไหน ป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้ดีสุด

วันนี้ (12 ก.ย.63) สำนักข่าวซินหัว รายงานผลการวิจัยล่าสุด ที่เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ไซแอนซ์ แอดวานซ์ (Science Advances) ถึงประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัยหลากหลายชนิด ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยดุ๊ก (Duke University) ได้ทดลอง เพื่อตรวจสอบการทำงานของหน้ากากรูปแบบต่างๆ ที่จะลดการแพร่กระจายของละอองฝอย น้ำมูก และน้ำลาย ระหว่างการพูดคุยตามปกติ

ทั้งนี้ ขั้นตอนการวิจัยจะติดตั้งแสงเลเซอร์ไว้ในกล่องมืด เพื่อส่องดูละอองฝอย น้ำมูก และน้ำลาย ของผู้พูด เมื่อมีการพูดคุยผ่านรูในกล่อง ขณะกล้องที่ติดไว้อีกด้านหนึ่ง จะคอยบันทึกวิดีโอของละอองฝอยที่ลอยผ่านไปพร้อมกัน

การทดลองดังกล่าว ได้ทดสอบหน้ากากอนามัยทั่วไปจำนวน 14 แบบ และใช้ระบบอัลกอริทึม บนคอมพิวเตอร์นับจำนวนอนุภาคของละอองฝอย น้ำมูก และน้ำลายจากวิดีโอ ซึ่งได้ผลลัพธ์ คือ "ปลอกคอที่ใช้กันลม" หรือ กันหนาว (neck gaiter) ซึ่งเป็นที่นิยมของนักวิ่งกลางแจ้ง มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำสุด เนื่องจากการพูดคุยผ่านปลอกคอ ก่อให้เกิดอนุภาคของละอองฝอย น้ำมูก และน้ำลาย มากกว่าเวลาที่ผู้คนพูดคุยกันโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยด้วยซ้ำ

สาเหตุอาจเป็นเพราะสิ่งทอของปลอกคอ ทำให้อนุภาคขนาดใหญ่แตกตัวออกเป็นขนาดเล็ก ซึ่ง มีแนวโน้มล่องลอยไปในอากาศได้ง่าย และเป็นระยะเวลานานกว่า ดังนั้น การสวมปลอกคอจึงอาจให้ผลลัพธ์ที่ตรงข้าม 

ผลการวิจัย ระบุเพิ่มเติมว่า "ผ้าพันคอ"  "ผ้าเช็ดหน้า" และ "หน้ากากไหมพรมแบบเต็มหน้า" ไม่สามารถป้องกันโควิด-19 ได้

ส่วน "หน้ากาก N95" เป็นตัวเลือกในการป้องกันที่ดีที่สุด ขณะที่ "หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง" ซึ่งทำจากวัสดุประเภทพลาสติก จัดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอันดับสอง ส่วน "หน้ากากที่ทำจากผ้าฝ้ายสองชั้น" และวัสดุสังเคราะห์หนึ่งชั้น เป็นตัวเลือกดีที่สุดอันดับสาม

ทั้งนี้ นักวิจัยได้แนะนำว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปคือการสวมหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง หรือหน้ากากผ้า

เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE