TNN online กรมการแพทย์จับตา BA.4 - BA.5 หลบภูมิเก่ง-ลงปอดง่ายขึ้น

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

กรมการแพทย์จับตา BA.4 - BA.5 หลบภูมิเก่ง-ลงปอดง่ายขึ้น

กรมการแพทย์จับตา BA.4 - BA.5 หลบภูมิเก่ง-ลงปอดง่ายขึ้น

กรมการแพทย์เผยข้อมูลจากต่างประเทศ ‘โควิดโอมิครอน’ สายพันธุ์ BA.4 -BA.5 มีแนวโน้มความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม ‘หลบภูมิเก่ง-ลงปอดง่ายขึ้น’

วันนี้ ( 23 มิ.ย. 65 )ที่กรมการแพทย์ นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า ได้รับรายงานจากรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์แล้วว่า พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 กับ BA.5 ในประเทศไทย 

จากรายงานข้อมูลพบว่า เชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าว ติดเชื้อง่าย มีแนวโน้มอาการจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดิม แต่ยังต้องรอข้อมูลที่ชัดเจน ขณะนี้เป็นรายงานในต่างประเทศ รวมทั้งมีความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันและลงปอดได้ง่ายขึ้น  ซึ่งการรักษาโควิด-19 ยังคงรักษาตามอาการ ไม่ได้แยกสายพันธ์ในการรักษา แต่ส่วนการตรวจแยกสายพันธุ์จะเป็นหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  

ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร มีแน้วโน้ม เพิ่มร้อยละ 10 จากเดือนที่แล้ว หลังการเปิดสถานบันเทิง และการผ่อนคลายมาตรการอื่นๆ รวมถึงพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 จากสถานศึกษาทและนำเชื้อมาแพร่คนที่บ้านเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนผู้ป่วยครองเตียงสีแดง ไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยอยู่ที่ร้อยละ 10 ของจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล 

ส่วนยารักษาโควิด-19 ในส่วนตอนนี้ยาแพล็กโลวิด และโมนูพิราเวียร์ ที่จ่ายให้กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง และผู้ป่วยอาการสีเหลือง- แดง พบว่าประสิทธิภาพของยาได้ผลดี โดยยาทั้ง 2 มีประสิทธิภาพที่ไม่แตกต่างกัน ตอนนี้ยาทั้ง 2 ชนิดมีเพียงพอที่จะรองรับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 

กรณีที่ศบค. มีมติถอดหน้ากากอนามัย ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 นพ.สมศักดิ์ ระบุว่า ขอให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงด้วยตนเอง ว่าหากอยู่ในสถานที่ปิด ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยแต่หากอยู่ในที่โล่งแจ้ง เช่น การออกกำลังกาย เล่นกีฬา และมีคนไม่แออัดอาจจะไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย 

ขณะที่นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  ระบุว่า เป้าหมาย ต่อไปของกรมการแพทย์  คือ ปรับบริการทางการแพทย์ให้เข้าถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด  คือ การนำบริการทางการแพทย์  เอาแพทย์ ออกไปหาประชาชน ผู้ป่วย  รวมถึงการพัฒนาองค์กรนวัตกรรมทางการแพทย์ 

สำหรับ การรักษา Home ward ที่จะเริ่ม1 กรกฎาคม  นี้  เป็นบริการทางการแพทย์ไปหาคนไข้  เน้นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว อาการของโรคคงที่  ซึ่งแพทย์จะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก  เบื้องต้นจะมี 6-7 โรคก่อน  เช่น กรณี ใน ผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง  ผู้ป่วยแผลกดทับ  เช่น บางโรคไม่ต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาล สามารถที่จะติดตามอาการที่บ้านได้  มีแพทย์ติดตามอาการด้วยTelemedicine  ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลส่วนค่าใช้จ่าย สปสช.จะเป็นผู้ดูแล ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาและพูดคุย เบื้องต้นจะเป็นเหมาค่าใช้จ่ายแบบเป็นผู้ป่วยใน 

ข้อมูลจาก  : กรมการแพทย์ 

ภาพจาก : AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง