หมอธีระ อัปเดตงานวิจัยผลกระทบจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
หมอธีระ เผยงานวิจัยผลกระทบจากการติดเชื้อโควิด-19 พบกลุ่มคนเคยติดเชื้อมีอัตราการไปรับบริการดูแลรักษาทางการแพทย์ สูงกว่าคนที่ไม่ได้ติดเชื้อราว 11%
วันนี้( 8 พ.ค.65) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ผ่านทางเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า
"8 พฤษภาคม 2565
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 406,470 คน ตายเพิ่ม 1,008 คน รวมแล้วติดไปรวม 516,905,372 คน เสียชีวิตรวม 6,275,649 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมัน ไต้หวัน ออสเตรเลีย อิตาลี และเกาหลีใต้
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 71.24 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 75.29
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 34.57 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 25.49
...สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ถึงแม้ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนเสียชีวิตที่รายงานนั้นลดลงก็ตาม
ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 22.56% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
...อัปเดตงานวิจัยผลกระทบจากการติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19
ทีมงานจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดา ประเมินผลกระทบจากการติดเชื้อโรคโคดิด-19 ในกลุ่มประชากรจำนวน 530,232 คน ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ถึง 31 มีนาคม 2564 พบว่า กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 มาก่อนนั้นจะมีอัตราการไปรับบริการดูแลรักษาทางการแพทย์ (healthcare utilization) ในช่วงเวลา 1 ปี สูงกว่าคนที่ไม่ได้ติดเชื้อราว 11%
(ช่วงความเชื่อมั่น 9%-13%)
ทั้งนี้กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน จะมีจำนวนวันที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลในรอบปีจากสาเหตุต่างๆ มากกว่าคนที่ไม่ได้ติดเชื้อ 49% (ช่วงความเชื่อมั่น 41%-57%)
การวิจัยจากแคนาดานี้สะท้อนให้เราทราบว่า หลังติดเชื้อและรักษาในช่วงแรกไปแล้ว กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อมาก่อนจะมีความเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ
และต้องไปรับการดูแลรักษามากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ติดเชื้อ โดยส่งผลต่อระบบสาธารณสุขในประเทศที่จะต้องเตรียมทรัพยากรต่างๆ เพื่อรับมือภาระการดูแลรักษาที่เพิ่มขึ้นให้เพียงพอ
และมีประสิทธิภาพด้วย
...ถึง SARS-CoV-2 ไวรัสโรคโควิด-19 เรารู้ว่านายนั้นไม่ธรรมดา
แม้ตลอดช่วงที่ผ่านมา นายจะโดนหลายคนด้อยค่าให้เป็นหวัดธรรมดา ไร้น้ำยา ไม่น่ากังวล
นายไปทุกที่ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนพื้นที่ส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะไม่รู้จักนายและวงศาคณาญาติ
เราติดตามนายมาตลอด และรู้ว่าการจะอยู่ร่วมกับนายได้นั้น จำเป็นต้องอยู่อย่างระมัดระวัง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่กับนายได้อย่างปลอดภัย แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
สัมผัสใกล้ชิดกันมากเกินไป ก็ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งไม่จบแค่หายกับตาย แต่เกิดปัญหาเรื้อรังอย่าง Long COVID ตามมาในอนาคตที่บั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะในการดำเนินชีวิต การทำงาน และส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายทั้งของคนป่วย ครอบครัว และสังคม
การอยู่ร่วมกันอย่างระมัดระวัง และการใส่หน้ากาก ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม จนกว่าสถานการณ์ทั่วโลกดีขึ้น คาดการณ์ได้ว่านายและวงศาคณาญาติเป็นอย่างไร และพวกเรามีวิธีในการป้องกันและจัดการดูแลปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ และเพียงพอจริง
แม้นายจะเป็นไวรัสใหม่ตัวหนึ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้มาไม่นาน
แต่เราเป็นเสียงหนึ่ง ที่ยืนยันหนักแน่นว่า "นายไม่ธรรมดา""
ภาพจาก รอยเตอร์/Thira Woratanarat