ผลทดสอบวัคซีน "โปรตีนลูกผสม"ของจีน ต้านโควิดได้ดีเกือบ 80%

วันนี้ ( 6 พ.ค. 65 )วารสารเดอะ นิว อิงแลนด์ เจอร์นัล ออฟ เมดิซีน  เผยแพร่ผลการศึกษาฉบับใหม่ ซึ่งระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ชนิดโปรตีนลูกผสม ที่พัฒนาโดยจีน มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการทดลองกับมนุษย์ ในระยะสุดท้าย เป็นวัคซีนโควิด-19 แบบฉีด 3 เข็ม ชื่อ“แซดเอฟ2001” (ZF2001) เป็นผลงานพัฒนาร่วมกันโดยสถาบันจุลชีววิทยา สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน และบริษัท อันฮุย จื้อเฟย หลงเคอหม่า ไบโอฟาร์มาซูติคัล 

คณะนักวิจัยดำเนินการทดลองระยะที่ 3 ณ ศูนย์คลินิก 31 แห่ง ในอุซเบกิสถาน อินโดนีเซีย ปากีสถาน และเอกวาดอร์ และศูนย์คลินิก 1 แห่งในจีน โดยผู้เข้าร่วมการทดลองเป็นผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป มากกว่า 28,000 คน และร้อยละ 6.4 เป็นผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

พบมีประสิทธิภาพป้องกันอาการรุนแรงของโรค  ทุกระดับที่ร้อยละ 81.4 ในการติดตามผลระยะสั้น (50 วันหลังฉีดวัคซีนครบคอร์ส) และร้อยละ 75.7 ในการติดตามผลระยะยาว (6 เดือนหลังฉีดวัคซีนครบคอร์ส)

สำหรับประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงถึงวิกฤติของวัคซีนตัวนี้ อยู่ที่ร้อยละ 92.9 ในการติดตามผลระยะสั้น และร้อยละ 87.6 ในการติดตามผลระยะยาว โดยประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงเล็กน้อย บ่งชี้ว่า การป้องกันอาการป่วยรุนแรงของวัคซีนยังคงแข็งแกร่งหลังฉีดครบ 6 เดือน

รัฐบาลจีนมั่นใจว่าด้วยมาตรการควบคุมโรคที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วนั้น จะสามารถยับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน   หลังสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ครั้งเลวร้ายสุดของนครเซี่ยงไฮ้ อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.หลังจากประชากร 25 ล้านคน ตกอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ 1 เดือน ส่วนทางการกรุงปักกิ่งของจีน เรียกร้องให้ประชาชนกว่า 3 ล้าน 5 แสนคน ในเขตเฉาหยาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงปักกิ่ง ทำงานจากที่บ้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  พร้อมเน้นย้ำความเชื่อมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid Policy) 

ภาพจาก :   รอยเตอร์