TNN online ดร.สันติธาร แชร์ข้อคิด-ประสบการณ์ติดโควิดสายพันธุ์ "โอมิครอน" ทั้งบ้าน!

TNN ONLINE

เกาะติด COVID-19

ดร.สันติธาร แชร์ข้อคิด-ประสบการณ์ติดโควิดสายพันธุ์ "โอมิครอน" ทั้งบ้าน!

ดร.สันติธาร แชร์ข้อคิด-ประสบการณ์ติดโควิดสายพันธุ์ โอมิครอน ทั้งบ้าน!

"ดร.สันติธาร" แชร์ข้อคิด-ประสบการณ์หลังติดโควิดสายพันธุ์ "โอมิครอน" ทั้งบ้าน แนะอย่าเชื่อ ATK มากไปเพราะช่วงแรกอาจไม่พบเชื้อ

วันนี้( 15 ม.ค.65) ดร.สันติธาร เสถียรไทย หรือ ดร.ต้นสน สมญานาม นักเศรษฐศาสตร์ภาคเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ลูกชายของ ของ ดร.สุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก จากการป่วยเป็นโควิด-19 ทั้งบ้าน(โอมิครอน)

โดยระบุว่า "ข้อคิดเบื้องต้นจากการป่วยเป็นโควิด-19 ทั้งบ้าน(โอมิครอน)

1.ติดง่ายมากแม้จะฉีดวัคซีนครบแล้ว

ผมและภรรยาติดโควิดจากลูกสองคน (4 และ 6ขวบ) ซึ่งติดโควิดจากแม่บ้านอีกที ซึ่งไม่ชัดว่าติดจากในเครื่องบินตอนเดินทาง หรือ ติดตอนออกไปตรวจโควิดที่ศูนย์อนามัยตอนกลับมาสิงคโปร์แล้ว (สิงคโปร์ให้ตรวจATKทุกวันที่บ้านเป็นเวลา 7วันและสองครั้งในนั้นต้องเข้าไปตรวจที่ศูนย์หลังจากกลับจากต่างประเทศ) 

แม้เด็กจะยังไม่ได้รับวัคซีนแต่ผู้ใหญ่ทุกคน (รวมทั้งพี่เลี้ยงที่ติดคนแรก)ฉีดวัคซีนmRNA ครบ 2 เข็มไม่ Pfizer ก็ Moderna และยังไม่ถึง 6เดือนดีจากครั้งสุดท้ายที่ฉีด 

ตัวผมและภรรยาที่ติดเพราะต้องดูแลลูกทั้งสองคนไม่มีทางเลือก จึงเข้าใจได้ว่าวัคซีนอะไรก็คงเอาไม่อยู่หากอยู่ใกล้ชิดกับคนป่วยตลอดเวลา โดนลูกไอจามใส่ตลอด  แต่ในกรณีแม่บ้านเท่าที่คิดย้อนไปแทบไม่ค่อยได้มี exposure หรือการเสี่ยงต่อหารติดเชื้อเท่าไรเลยจึงยังค่อนข้างแปลกใจว่ารับเชื้อมาได้ไงเร็วมาก

การฉีดวัคซีน booster น่าจะสำคัญมากๆๆรีบฉีดนะครับอย่ารอโดยเฉพาะคนมีโรคประจำตัว

2.อย่าพึ่งการตรวจ ATK มากไป

จากประสบการณ์ครั้งนี้พบว่าในช่วงแรกๆที่ติดเชื้อและแม้แต่มีอาการบ้างแล้วการตรวจATK อาจจะยังไม่ออกมาเป็นบวก เกือบทุกคนในบ้านผมทั้งเด็กและผู้ใหญ่เจอประสบการณ์นี้แม้จะใช้ยี่ห้อหลายแบบATK ในกรณีลูกแม้แต่มีไข้สูงแล้วก็ยังไม่เป็นบวกจนวันต่อมา 

ดังนั้นการจะบอกได้ว่าคนๆนึงติดโควิดแล้วหรือยังด้วยการตรวจ ATK อาจต้องทำหลายวันต่อเนื่องและเราไม่ควรเชื่อผลลบของ ATKมากไป ต้องมีมาตรการป้องกันการติดเชื้ออื่นๆด้วย

3.หากมีเด็กเล็ก(หรือคนที่ต้องการการดูแล)ควรวางแผนเผื่อไว้หากบางคนติดบางคนไม่ติด 

ในสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะให้รักษาตัวที่บ้านตามอาการไม่ได้ไปนอนโรงพยาบาลนอกจากจะอาการหนักจริงๆ เราทุกคนจึงอยู่บ้านตลอดดังนั้นข้อนี้อาจไม่ค่อยเกี่ยวกับคนที่รักษาตัวที่รพ. ความยากในช่วงต้นของการรักษาตัวที่บ้านคือลูกคนโตและแม่บ้านติดเชื้อแต่ลูกคนเล็กยังไม่ติด แต่เราทุกคนอยู่ในคอนโดเดียวกันและพี่น้องปกติตัวติดกันมากอยู่ด้วยกันตลอดจึงยากมากที่จะแยกเขาออกจากกัน 

ช่วงแรกเราพยายามแบ่งเป็นคู่ ภรรยาอยู่กับคนเล็กที่ไม่ป่วยและผมอยู่กับคนโตที่ติด (เพราะคนเล็กค่อนข้างติดแม่) และให้ลูกเจอกันใน Metaverse ผ่านเกมออนไลน์ ซึ่งยากมากเพราะรูปแบบการใช้ชีวิตไม่ได้ดีไซน์มาแบบนั้น และพี่น้องคิดถึงกันมากแม้จะเข้าใจเหตุผลแต่ใจเขาก็ยังเผลอตลอด นอกจากนี้แม่เค้าก็เครียดเพราะอยากดูแลลูกที่ป่วยด้วยตัวเองแต่ต้องห่างเพื่อให้ลูกคนเล็กไม่ติด

สุดท้ายไม่เวิร์ค เพราะพอลูกป่วยไข้สูง พ่อไร้ความสามารถในการดูแล ต้องแม่เท่านั้น! ไปๆมาๆเลยแยกไม่ค่อยสำเร็จและทั้งคู่ก็ติดเชื้ออยู่ดี บทเรียนคืออาจต้องวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆทำ scenario ว่าถ้าคนนี้ป่วยคนนั้นไม่ป่วยจะทำไง และจะทำได้จริงมั้ย

4.เตรียมพร้อมว่า”ไม่มีคำตอบสุดท้าย”สถานการณ์เปลี่ยนตลอดเวลา 

วิธีรับมือวันแรกๆจะไม่เหมือนแผนวันหลังๆของการติดเชื้อในบ้านเพราะคนติดเชื้อจะมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่เคยแข็งแรงจะกลายเป็นคนป่วยและคนที่เคยป่วยอาจเริ่มหาย ดังนั้นจะต้องมีการเตรียมสลับฟังก์ชันระหว่างแต่ละคนในครอบครัวกันดีๆ 

นอกจากนี้โรคนี้ยังเปลี่ยนเร็วมาก จากดูเหมือนไม่มีอาการๆภายในไม่กี่ชั่วโมงอาจกลายเป็นหนักมาขึ้นมา จึงต้องมีการเตรียมรับมือดีๆ เช่น ผมทำงานเบาๆไปด้วยในช่วงรักษาตัวไปด้วยวันนึงอาการอาจเป็นเพลียมากจนประชุมออนไลน์ไม่ไหว อีกวันอาจเจ็บคอจนพูดไม่ได้แต่พอทำงานอื่นได้ 

5.เด็กกับผู้ใหญ่เหมือนเป็นคนละโรคกัน

แม้จะเป็นเชื้อเดียวกันแต่อาการของเด็กกับผู้ใหญ่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ของลูกผมทั้งสองคนแทบไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากไข้สูงทะลุ 40 เป็นช่วงๆต้องให้ยาเช็ดตัวแล้วก็ลง นอกนั้นแทบดูไม่รู้ว่าป่วยและพลังของลูกชายสองคนนี้ไม่มีตกเลย ทั้งสองคนไม่ได้รับยาอะไรนอกจากรักษาตามอาการ ของผู้ใหญ่จะมีอะไรคล้ายๆกัน มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ เพลียมากๆๆ เหนื่อยง่ายแม้ในช่วงฟื้นตัว (และอาการไม่ได้เบาขนาดที่หลายคนคิดนะครับ)ใครมีลูกให้นึกภาพเราหมดแรงในวันที่ลูกพลังเหลือมากๆ 

ป.ล. ทั้งนี้อาการแต่ละคนคงไม่เหมือนกันนะครับ อย่าเอาที่เขียนนี้ไปทำให้ประมาทว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ไม่เป็นไรมาก เพราะคงเป็นแล้วแต่เคสจริงๆ แค่จะบอกว่าผู้ใหญ่-เด็กอาการต่างกันมากจากประสบการณ์ตนเอง

ทั้งหมดนี้เป็นข้อคิดเบื้องต้นนะครับ เพราะผมก็ยังไม่หายแต่ลูกๆดีขึ้นแล้ว อยากแชร์เรื่องเหล่านี้เผื่อจะมีประโยชน์กับบางครอบครัวครับเพราะเชื่อว่าwave นี้คงมีคนติดเยอะทีเดียว"





ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สันติธาร เสถียรไทย - Dr Santitarn Sathirathai

ภาพจาก เฟซบุ๊ก สันติธาร เสถียรไทย - Dr Santitarn Sathirathai/รอยเตอร์

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง