ราคาน้ำมันที่เร่งตัวสูงขึ้น vs. ราคาทองคำ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง
ราคาน้ำมันที่เร่งตัวสูงขึ้น vs. ราคาทองคำ วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
Gold Bullish และ GOLD BEARISH
Gold Bullish
- ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางซื้อทองคำในเงินทุนสำองเพิ่มขึ้
- ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
GOLD BEARISH
- ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม
- เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างชัดเจน
- การกระจายวัคซีนโควิด-19
ราคาน้ำมันดิบปีนี้เพิ่มขึ้นร้อนแรง
หลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปเริ่มเปิดเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการน้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งในไตรมาส 4 จะมีความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวและเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วย ในช่วงปลายเดือนก.ย.โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าความต้องการน้ำมันจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันอุปทานน้ำมันทั่วโลกได้รับผลกระทบจากเฮอริเคนไอดาที่เคลื่อนผ่านอ่าวเม็กซิโก และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันของสหรัฐ จะส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานตัว รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้น้ำมันเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างถูกกว่าสำหรับการผลิตไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้น มีคำถามว่าราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยิ่งเร่งสูงขึ้นจะทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วยหรือไม่ ในเมื่อทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้
ราคาทองคำจะขึ้นตามราคาน้ำมันที่เร่งตัวสูงขึ้นหรือไม่
สัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตลาดคาด ถึงแม้ว่าดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.6% เมื่อเทียบรายปี และต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แต่ถือว่าเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์สะท้อนให้เห็นว่าได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่เร่งตัวสูงขึ้น ทำให้กังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นแรงทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงได้ ความกังวลในประเด็นดังกล่าว จะทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรในทองคำและมีแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงในบางช่วงเช่นกัน ทั้งนี้มองในอีกมุมหนึ่งอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้เฟดต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย CME Fedwatch tool สามารถสะท้อนถึงมุมมองของตลาดที่มีต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอนาคตได้ มุมมองของตลาดสะท้อนให้เห็นว่าเฟดอาจจะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ปีหน้า จากเดิมเดือนธ.ค.ปีหน้า ซึ่งตลาดประเมินว่ามีโอกาสความเป็นไปได้สูงถึง 65% ที่เฟดจะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ปีหน้า ทำให้อาจจะกลายเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำเช่นกัน
ที่มา : กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดจะปรับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มราคาทองคำทางด้านเทคนิคกลับเป็นขาขึ้น หลังจากปรับขึ้นทะลุแนวต้าน 1,787 ดอลลาร์ได้ โดยมีแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ถึงแม้ว่าในส้ปดาห์ก่อนราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ ทำให้เกิดสัญญาณของการย่อตัวลงทางด้านเทคนิค อย่างไรก็ดีคาดการณ์ราคาทองคำจะปรับฐานเพื่อขึ้นได้ต่อ ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 1,833 ดอลลาร์ ประเด็นที่ติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book) ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะนำข้อมูล Beige Book มาใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงินในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 2-3 พ.ย. ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเดือนก.ย. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐเดือนต.ค. และทิศทางเงินบาท
ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 27,900 บาท และ 27,750 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,150 บาท และ 28,400 บาท
ภาพประกอบ : พีอาร์ ฮั่วเซ่งเฮง
ภาพประกอบ : พีอาร์ ฮั่วเซ่งเฮง
ข้อมูลจาก : ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ภาพประกอบ : AFP