ทองคำเดือนตุลาคมคาด Downside risk เริ่มลดลง วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

GOLD BULLISH

• ปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐ
• ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น
• ธนาคารกลางซื้อทองคำในเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น

GOLD BEARISH

• ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม
• เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างชัดเจน 
• การกระจายวัคซีนโควิด-19

เดือนกันยายนราคาทองคำ Spot ลดลง 3.1% ทองแท่งในประเทศทรงตัว

ราคาทองคำ Spot ในเดือนกันยายนยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์แตะ 1,721 ดอลลาร์  ซึ่งทองคำยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามากที่สุดในปีนี้ การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ หลังจากในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 กันยายน เฟดส่งสัญญาณจะปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเร็วกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้การแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส แถลงว่าเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่เร่งตัวสูงขึ้นยาวนานกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้มากและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอาจยังอยู่ในระดับที่สูงต่อไปจนถึงปีหน้าและเฟดจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อยับยั้งอัตราเงินเฟ้อถ้าจำเป็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประธานเฟดเน้นย้ำว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียงชั่วคราว ท่าทีเปลี่ยนไปของประธานเฟดที่ให้ความเห็นที่เป็นสายเหยี่ยวมากขึ้น  ทำให้ตลาดยังคงกังวลถึงการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด ทำให้ราคาทองคำ Spot ในเดือนกันยายนลดลง 56 ดอลลาร์หรือลดลง 3.1% ถึงแม้ว่าราคาทองคำ Spot ลดลงก็ตาม แต่เงินบาทในเดือนกันยายนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเข้าใกล้ 34 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ราคาทองแท่งในประเทศทรงตัว 

ราคาทองคำลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ 

ที่มา : โปรแกรม ASPEN

ราคาทองคำในเดือนต.ค. Downside risk เริ่มลดลง

แนวโน้มราคาทองคำ Spot เดือนตุลาคมคาดผันผวนน้อยลงและการปรับลดลงของราคาทองคำเริ่มมีกรอบที่จำกัด หลังจากที่ลดลงตอบรับประเด็นเฟดจะปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดไปพอสมควรแล้ว ปัจจัยที่กระทบต่อราคาทองคำในเดือนตุลาคม ได้แก่ การจ้างงานของสหรัฐเดือนกันยายน ความขัดแย้งของสภาคองเกรสในการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐ การแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจของสหรัฐและแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีผลต่อเงินดอลลาร์และราคาทองคำ สำหรับการจ้างงานของสหรัฐยังเป็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาทองคำผันผวนได้ ในกรณีที่การจ้างงานออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก หลังจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือนสิงหาคมออกมาอ่อนแอ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 720,000 ตำแหน่งและมีผลบวกต่อราคาทองคำ ส่วนปัญหาการเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐ ยังต้องติดตามว่าสภาคองเกรสจะผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐทันกำหนดก่อนวันที่ 18 ตุลาคมหรือไม่ เพื่อไม่ให้สหรัฐต้องผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้ และถือว่าเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำได้

การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ

 ที่มา : กระทรวงแรงงานสหรัฐ

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways up โดยมีกรอบการเคลื่อนไหว 1,730-1,787 ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ประเด็นที่ติดตามคือการจ้างงานของสหรัฐเดือนก.ย. การเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐที่มีกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งคาดราคาทองคำจะผันผวนถ้าการจ้างงานสหรัฐออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดไว้มาก ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้น 490,000 ตำแหน่ง ตามลำดับ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค. ดุลการค้าเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,750 ดอลลาร์ และ 1,730 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,770 ดอลลาร์ และ 1,787 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ  27,800 บาท และ 27,550 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,150 บาท และ 28,250 บาท

 ภาพประกอบ: ฮั่วเซ่งเฮง

ภาพประกอบ: ฮั่วเซ่งเฮง

ที่มา: พีอาร์ ฮั่วเซ่งเฮง

ภาพประกอบ : ฮั่วเซ่งเฮง