TNN online ทำไม "Bitcoin" มักถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินสีเทา?? วิเคราะห์โดย Zipmex

TNN ONLINE

คอลัมนิสต์

ทำไม "Bitcoin" มักถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินสีเทา?? วิเคราะห์โดย Zipmex

ทำไม Bitcoin มักถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินสีเทา?? วิเคราะห์โดย Zipmex

ทำไม "Bitcoin" มักถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินสีเทา?? วิเคราะห์โดย เอกราช ศรีศุภวิชากิจ Head of Risk Management & Research Specialist Zipmex Trader

เวลามีคนเล่าถึงอดีตของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ ทำไมมักจะพูดต่อ ๆ กันว่าเป็นเงินสีเทา เป็นเงินที่อาชญากรใช้ในการกระทำความผิด เช่น ซื้อยาเสพติด ซื้อสิ่งผิดกฎหมาย ซื้ออาวุธ เป็นต้น พวกเราเคยสงสัยกันหรือไม่ว่าข้อเท็จในอดีตเป็นอย่างไร ทำไมคนถึงตีความแบบนั้น บทความนี้ของเราจะมาแชร์ในมุมนี้กันครับ


A Peer-to-Peer Electronic Cash System

คำนี้คือวัตถุประสงค์ของบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ ผู้ที่ให้กำเนิดบิตคอยน์ขึ้นมาในปี 2008 ในช่วงที่เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ในสหรัฐ ฯ ซึ่งมีต้นตอมาจากตัวกลางและการบริหารการเงินที่ผิดพลาดมากมาย คุณซาโตชิต้องการสร้างสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่มีคุณสมบัติตรงข้ามกับเงินดอลลาร์สหรัฐ คือ มีจำนวนจำกัด ไร้ตัวกลาง และมีความปลอดภัยสูง เพื่อให้ทางเลือกกับสังคมที่จะมีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนใหม่ ๆ ที่ปราศจากตัวกลางในการควบคุมและกำหนดทิศทางของสิ่งที่เราเรียกกันว่าเงิน แต่การจะมีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ปลอดภัยในโลกดิจิทัลนั้นไม่ง่ายเลย จึงทำให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาผสมกันอย่างลงตัวเพื่อให้ “สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน” นี้ปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานั้น


บิตคอยน์มี Privacy สูงจนเข้าตาอาชญากร

คุณสมบัติข้อหนึ่งของบิตคอยน์คือมีความ Privacy หรือความเป็นส่วนตัวสูง เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนว่าเรามีบิตคอยน์อยู่ 100,000 บิตคอยน์ เราเป็นใครมาจากไหน ทำธุรกิจอะไร เราก็สามารถโอนบิตคอยน์หากันได้แบบ Peer to Peer ตรวจสอบย้อนหลังได้ยาก แค่คุณสมบัติเบื้องต้นนี้อาชญากรก็สนใจเป็นอย่างมากแล้วครับ การสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนของที่มีมูลค่าสูงและไม่ต้องกังวลเรื่องการเปิดเผยตัวตน เรื่อง Data ส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งก่อนหน้านี้อาชญากรก็พยายามหาสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมาตลอด เช่น เงิน(ธนบัตร) เพชร พลอย ทองคำ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าใครคือคนถือครองอยู่ แต่มันก็ยังไม่สะดวกแบบแลกเปลี่ยนข้ามโลก ข้ามพรมแดนกันได้ แต่บิตคอยน์ไม่ใช่ บิตคอยน์มาแก้ปัญหาการส่งข้อมูลดิจิทัลให้กันได้โดยที่ไม่ติดปัญหา Double Spending และไม่เป็นเผยตัวตน


Silk Road ตลาดออนไลน์สำหรับผู้ซื้อ/ขายที่ไม่จำเป็นต้องมีการระบุตัวตน

นายรอส อัลบริท (Ross Ulbricht) จากเท็กซัสได้พัฒนาเว็บไซต์ Dark E-Commerce นี้ขึ้นมาในรูปแบบของ Dark Web สำหรับผู้ซื้อ/ขายที่ไม่จำเป็นต้องมีการระบุตัวตน โดยสามารถซื้อขายสินค้าอะไรก็ได้ ไม่กำจัด ไม่เว้นแม้แต่สิ่งที่ผิดกฎหมาย และเริ่มก่อตั้งเว็บไซต์นี้ขึ้นในปี 2011 ซึ่งในเวลานั้นมีหลายแห่งที่เริ่มรับบิตคอยน์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่แพร่หลายมากเท่าทุกวันนี้

Silk Road นั้นเปิดให้ผู้ใช้งานรับชำระด้วยบิตคอยน์ได้อย่างอิสระ ทำให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนในเว็บไซต์นั้นมีทั้งสิ่งที่ถูกกฏหมาย ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด พาสปอร์ตปลอม อาวุธ ของเถื่อน รวมทั้งอวัยวะ!

หลังจากนั้นไม่นานก็ถูก FBI ตรวจพบและสั่งปิดช่วงเดือนตุลาคมในปี 2013 จากการตรวจสอบพบว่าเว็บไซต์นี้มีสินค้าวางขายมากกว่า 10,000 ชนิด มีผู้ค้ามากกว่า 3,877 คน และมีลูกค้ามากถึง 146,946 คน ที่สำคัญคือมีเม็ดเงินที่สะบัดในการซื้อขายเป็นมูลค่าที่สูงมาก ๆ นั่นจึงเป็นตำนานที่พูดกันปากต่อปากว่า บิตคอยน์คือเงินสีเทาที่อาชญากรใช้กัน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าอาชญากรใช้เงินสดเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมายาวนานก่อนที่จะมีบิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นซะอีก เพราะฉะนั้นไม่อยากให้มองและตีตราว่าอะไรคือเงินสีเทา สีขาว สีดำ แต่มันคือสื่อกลาง ที่ใครก็ตามยินดีจะรับ มาพบกับคนที่ยินดีจะจ่าย การแลกเปลี่ยนระหว่างกันจึงเกิดขึ้น


ความแตกต่างของ Bitcoin และ Fiat Currency

ก่อนจะจบบทความจึงอยากเปรียบเทียบเงินที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และเงินคริปโทเคอเรนซี ว่ามีคุณสมบัติเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรในมุมใดบ้าง เพื่อให้เรามีความเข้าใจที่มากขึ้น เพราะปัจจุบันนี้คริปโทเคอเรนซีก็กลายมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างจริงจัง ตามร้านค้า ตามที่ต่าง ๆ รวมไปถึงบางประเทศก็ประกาศให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนั้นแล้วด้วย จึงอยากให้เราลองมาศึกษาสิ่งนี้ให้มากขึ้นครับ

ทำไม Bitcoin มักถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินสีเทา?? วิเคราะห์โดย Zipmex

 

ที่มา:  เอกราช ศรีศุภวิชากิจ Head of Risk Management & Research Specialist Zipmex Trader

ภาพประกอบ : AFP 

ข่าวแนะนำ