อีทีเอฟทองคำ vs. ราคาทองคำ วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

GOLD BULLISH

• การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า
• ความต้องการทองคำจากจีนในปีนี้คาดเพิ่มขึ้น
• ธนาคารกลางซื้อทองคำในเงินทุนสำรองเพิ่มขึ้น

GOLD BEARISH

• ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงิน
• เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างชัดเจน 
• การกระจายวัคซีนโควิด-19
• แรงเทขายทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำ
  

กองทุนอีทีเอฟทองคำมีผลต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

กองทุนอีทีเอฟทองคำเป็นทางเลือกของการลงทุนในทองคำ นอกจากการลงทุนในทองแท่ง ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนในกองทุนอีทีเอฟทองคำเป็นนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ในสหรัฐและยุโรป เนื่องจากการซื้อขายทองแท่งในสหรัฐและยุโรปไม่ได้สะดวกเหมือนในไทยที่มีร้านทองกว่า 7 พันแห่งทั่วประเทศ กองทุนอีทีเอฟทองคำที่รู้จักกันดีคือกองทุน  SPDR Gold Trust เพราะเป็นกองทุนอีทีเอฟทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำในตลาดลอนดอน คือ London Gold PM Fix Price หลังจากหักค่าใชจ่ายแล้ว ซึ่งมีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง ทำให้สามารถลงทุนในทองคำได้สะดวกสบายผ่านการซื้อขายในตลาดหุ้น  ตอนนี้กองทุน SPDR Gold Trust จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 5 แห่ง ได้แก่ นิวยอร์ก สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเม็กซิโก 

กระแสความนิยมในการลงทุนกองทุนอีทีเอฟทองคำ สะท้อนถึงขนาดกองทุนอีทีเอฟทองคำที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่กองทุนเพิ่งเกิดขึ้นในปี 2003 กองทุนอีทีเอฟทองคำปัจจุบันมีการถือครองทองคำสูงถึง 3,611 ตัน ทำให้การเคลื่อนไหวของเม็ดเงินที่ไหลเข้าออกจากทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำมีผลต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ

ขนาดของกองทุนอีทีเอฟทองคำและราคาทองคำ

ที่มา : World Gold Council

ปีนี้ยังต้องระวังแรงเทขายทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำ

ปีที่แล้วกองทุนอีทีเอฟทองคำถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนราคาทองคำให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีแรงซื้อทองคำจากกองทุนอีทีเอฟทองคำสูงถึง 873 ตัน ซึ่งเป็นส่วนของกองทุน SPDR Gold Trust 277 ตัน มีผลให้ราคาทองคำ Spot เพิ่มขึ้น 25% ปีที่แล้วสัดส่วนความต้องการทองคำมาจากกองทุนอีทีเอฟทองคำพุ่งสูงขึ้นเป็น 23% ของความต้องการทองคำ จากปี 2019 มีสัดส่วนเพียง 9% ยิ่งทำให้แรงซื้อขายทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำ มีผลต่อราคาทองคำมากยิ่งขึ้นไปอีก ในช่วงปลายปีที่แล้วเดือนพ.ย.ที่มีข่าวการทดลองวัคซีนโควิดสำเร็จเริ่มเห็นแรงเทขายของกองทุนอีทีเอฟทองคำอย่างหนัก 115 ตันและผลให้ราคาทองคำ Spot เดือนพ.ย.ลดลง 5% ส่วนในปีนี้กองทุนอีทีเอฟทองคำขายทองคำออกมาทั้งสิ้น 140 ตัน ในเดือนก.พ.และเดือนมี.ค.เป็นเดือนที่มีการขายทองคำออกมาสูง 79 ตัน และ 118 ตัน ตามลำดับ ส่วนเดือนพ.ค.เริ่มกลับเข้ามาซื้อทองคำต่อเนื่องมาถึงเดือนก.ค. แต่ในเดือนส.ค.เริ่มมีแรงเทขายทองคำ 22 ตัน ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่ายังต้องระวังแรงเทขายทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำและอาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำลดลงได้

แรงซื้อขายทองคำของกองทุนอีทีเอฟทองคำรายเดือน

สัปดาห์นี้แนวโน้มราคาทองคำคาดจะปรับลดลง โดยมีกรอบการเคลื่อนไหว 1,770-1,815 ดอลลาร์ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้  ได้แก่ สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคและยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือนส.ค. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนก.ย. ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ และ 1,815 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ  27,650 บาท และ 27,550  บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 27,900 บาท และ 28,100 บาท 

ข้อมูล : กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง