TNN online เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

TNN ONLINE

คอลัมนิสต์

เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

นับวันโลกจะแข่งขันกันด้วย “ความเร็ว” มากขึ้นทุกขณะ ยิ่งพอเราเข้าสู่โลกดิจิตัล ระบบการประมวลผลก็เป็นอีก “เวที” หนึ่งที่นานาประเทศให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านความรวดเร็ว อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อจีนประกาศยกระดับความเร็วในระบบการประมวลผล ...

ในช่วง 2-3 ปีหลัง เราเห็นรัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินแคมเปญสงครามการค้าและเทคโนโลยีกับจีน พร้อมออกสารพัดมาตรการมาอย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่เรื่องการสนับสนุนส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ การพัฒนาซุปเปอร์คอมพิวเตอร์และเอไอ รวมไปถึงการขึ้นบัญชีดำกิจการไฮเทคของจีนและควบคุมการส่งออกอุปกรณ์การผลิตชิปของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร

ท่ามกลางความท้าทายของสงครามเทคโนโลยีดังกล่าว จีนเองก็มิอาจจะอยู่เฉยได้ นอกเหนือจากการแสดงจุดยืนคัดค้านมาตรการกีดกันด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรมาโดยตลอด จีนยังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงของตนเองขึ้นมาทาบชั้น

บางโครงการเปลี่ยนบ้านเปลี่ยนเมืองในจีนไปเลยมี ยกตัวอย่างเช่น กุ้ยโจว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นมณฑลที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ก็ถูกยกระดับเป็น “เมืองไฮเทค” โดยได้รับมอบหมายให้จัดตั้งศูนย์บิ๊กดาต้าเพื่อขับเคลื่อนอินเทอร์เน็ตของประเทศ และเชื่อมโยงกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อให้บริการผู้ใช้ในประเทศในช่วงหลายปีก่อน


เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ภาพจาก AFP

 


นอกจากนี้ เรายังเห็นจีนปล่อยนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องออกมาเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นรถไร้คนขับ รถไฟแม่เหล็กไฟฟ้า และอื่นๆ แต่เรื่องที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ก็ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งกำลังกลายเป็น “ตัวชี้วัด” ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

โดยในช่วงหยุดยาววันชาติจีนปี 2023 ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการประกาศเป้าหมายใหม่ที่จะเพิ่มพลังการประมวลผลรวมของประเทศมากกว่า 50% ภายในปี 2025 หรือในอีก 2 ปีเศษข้างหน้า

สิ่งนี้สะท้อนว่า รัฐบาลจีนตระหนักถึงความสําคัญอย่างมากกับนวัตกรรมซุปเปอร์คอมพิวติ้งและปัญญาประดิษฐ์ โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ใกล้เคียงกับของสหรัฐฯ ให้เร็วขึ้น

ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจีนระบุว่า ในปี 2022 อุตสาหกรรมนี้ของจีนมีมูลค่าสูงถึง 1.8 ล้านล้านหยวน หรือเกือบ 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว รัฐบาลจีนได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 แห่ง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Ministry of Industry and Information Technology) กระทรวงศึกษาธิการ และแบ้งค์ออฟไชน่า ร่วมกันบูรณาการ

MIIT หนึ่งในหน่วยงานหลักตามพันธิกิจนี้ ได้กําหนดเป้าหมายสําหรับพลังการประมวลผลทั้งหมดของจีนที่จะถึง 300 EFLOPS (หน่วยของความเร็วของระบบคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผล 1,000 ล้านครั้งต่อวินาที) ภายในปี 2025

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ MIIT ระบุว่า พลังการประมวลผลของจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 180 EFLOPS ในปี 2022 เป็นถึง 197 EFLOPS ในเดือนสิงหาคม 2023 แต่ยังคงเป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐฯ

สถาบันวิจัยด้าน ICT แห่งชาติจีน (China Academy of Information and Communications Technology) ได้ประเมินไว้ว่า พลังการประมวลผลของสหรัฐฯ อยู่ที่ 200 EFLOPS เมื่อปี 2022 และเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2023


เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ภาพจาก AFP

 


ขณะเดียวกัน จีนก็ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนพลังการประมวลผลของ AI จากราว 25% ของพลังการประมวลผลโดยรวมในปี 2022 เป็น 35% ภายในปี 2025

แต่โดยที่ AI ต้องการการประมวลผลข้อมูลจํานวนมาก ดังนั้น การเพิ่มพลังการประมวลผลให้อยู่ในระดับโลกจึงกลายเป็นหัวใจที่จีนให้ความสำคัญระดับสูงเพื่อบรรลุเป้าหมานความเป็นผู้นําด้าน AI

อย่างไรก็ดี เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จีนจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศที่ครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนพลังการประมวลผลข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล และความจุเครือข่ายในยุคของเศรษฐกิจดิจิตัล

แหล่งข่าวระบุว่า ปี 2022 จีนได้เปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งศูนย์กลางการประมวลผลระดับชาติ 8 แห่งซึ่งครอบคลุมถึงพื้นที่ด้านซีกตะวันตกของจีน และคลัสเตอร์ศูนย์ข้อมูลระดับชาติอีก 10 แห่งเพื่ออํานวยความสะดวกในการเข้าถึงพลังการประมวลผล

โดยจีนได้ตั้งเป้าหมายว่าความจุการจัดเก็บข้อมูลของประเทศจะเกิน 1,800 เอ็กซาไบต์ (Exabytes) หรือ 1,000 ล้านกิ๊กกาไบต์ (Gigabytes) ภายในปี 2025

ด้วยเป้าหมายตามแผนงานดังกล่าว ผมประเมินว่า จีนจะสร้างศูนย์ประมวลผลอัจฉริยะอีกภึง 20 แห่งในราว 2 ปีข้างหน้า!

ขณะเดียวกัน ด้วยความใหญ่และทรงพลัง รัฐบาลจีนจึงมีแผนขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตัลเพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบใหญ่ของเศรษฐกิจดิจิตัลที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และปรับโครงสร้างและเติมพลังใหม่ให้กับการพัฒนาคุณภาพสูงแก่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของจีน

แน่นอนว่าในยุคปัจจุบันและอนาคต พลังการประมวลผลนับเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจดิจิตัล ผู้เชี่ยวชาญจีนกล่าวไว้อย่างน่าคิดว่า “จีนวางแผนจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบูรณาการภาคอุตสาหกรรม และป้องกันและเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานผ่านการพัฒนาทางออกที่ควยคุมได้และส่งเสริมการใช้ซอฟท์แวร์ที่น่าเชื่อถือของจีน”


เมื่อมังกรติดปีกด้วยระบบการประมวลผลยุคดิจิตัล โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร ภาพจาก AFP

 


ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ทุกหยวนที่ลงทุนในพลังการประมวลผลจะส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 3-4 หยวน นั่นหมายความว่า จีนในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ กำลังได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิตัลส่วนนี้อีก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีเลยทีเดียว

อีกตัวอย่างหนึ่งของการลงทุนใหญ่ก็ได้แก่ ไชน่าโมบาย (China Mobile) ผู้ให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ที่ประกาศวางแผนลงทุนสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย โดยมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการเห็น “พลังการประมวลผลเป็นเรื่องธรรมดาและใช้งานง่ายเหมือนน้ําและไฟฟ้า”

ขณะเดียวกัน จีนก็วางแผนปรับปรุงความเร็วและประสิทธิภาพของเครือข่ายการประมวลผล โดยพยายามลดเวลาแฝงในการส่งข้อมูลระหว่างสิ่งอํานวยความสะดวกด้านคอมพิวเตอร์หลักไม่ให้มากกว่า 5 มิลลิวินาที

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในวงการต่างประเมินว่า ยังเป็นเรื่องยากที่จีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในเรื่องพลังการประมวลผลภายในปี 2025 ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อจำกัดที่จีนไม่สามารถจัดหาเครื่องประมวลผลไฮเอนด์ได้

เห็นแล้วก็ต้องยอมรับว่า ในยุคหลังโควิด จีนยังคงพัฒนาแบบ “วิ่งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่” และยิ่งในยุค AI ก็ดูเหมือนจีนจะติดปีกบินด้วย “ความเร็วแสง” เลยทีเดียวครับ ...





ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง