TNN online จับตาทองฟื้นหรือฟุบ ! หากเฟดลดสปีดขึ้นดอกเบี้ย

TNN ONLINE

คอลัมนิสต์

จับตาทองฟื้นหรือฟุบ ! หากเฟดลดสปีดขึ้นดอกเบี้ย

จับตาทองฟื้นหรือฟุบ !  หากเฟดลดสปีดขึ้นดอกเบี้ย

ราคาทองคำสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ แต่สัปดาห์นี้มีการประชุมเฟดราคาทองอคำจะมีทิศทางอย่างไร วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

Gold Bullish 

    ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ

    สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน


Gold Bearish 

    ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.

    การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น

    เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น



จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในสัปดาห์นี้

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนคลายความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จากเจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความต้องการที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้


อย่างไรก็ตามช่วงปลายสัปดาห์เกิดแรงเทขายออกมาเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. ทั้งนี้ปัจจัยที่กดดันตลาดทองคำ ยังคงเป็นการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด


ซึ่งนักลงทุนยังคงคาดว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.  ซึ่งนับว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย.  


ทั้งนี้ผลการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมานั้น การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) โดยเฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะแตะระดับ 4.4% ในช่วงสิ้นปีนี้และแตะ 4.6% ในสิ้นปี 2566 ก่อนที่จะลดลงสู่ระดับ 3.9% และ  2.9% ในปี 2567 และ ปี 2568 ตามลำดับ และเฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะขยายตัวเพียง 0.2% และในปี 2566 จะขยายตัว 1.2% เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะแตะระดับ 4.5% ในสิ้นปีนี้ และจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.1%, 2.3% และ 2.1% ในปี 2566, 2567 และ 2568 ตามลำดับ 


ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงเน้นย้ำเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังไม่พิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2%


ทางด้านทางด้านข้อมูล CME GROUP พบว่า นักลงทุนคาดว่ามีโอกาสถึง 81.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75%-4.00% ในการประชุมเดือนพ.ย. โดยจากข้อมูล CME GROUP ดังกล่าวนั้นนักลงทุนคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ดังนี้ 


ไทม์ไลน์เฟดขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565

           รายละเอียดการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 รวมทั้งคาดการณ์ไทม์ไลน์ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ เป็นดังนี้:-


วันที่ 1-2 พ.ย.        (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 3.75-4.00%)

วันที่ 13-14 ธ.ค.     (คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.25-4.50%)

 

ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วและรุนแรง มากกว่าที่เฟดที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งที่ผ่านมานั้นเฟดได้ดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุก และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา


 


อย่างไรก็ตาม คาดว่าการคาดการณ์การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเร่งชะลอการเร่งตัวลง ซึ่งมีความเป็นเป็นไปได้ว่าเฟดจะเร่งชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนธ.ค.อย่างเร็วที่สุด จากที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐในบางตัวเลข อย่างไรก็ตามในปี 2566 เฟดจะชะลอตัวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอย่างแน่นอน จากที่เฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะแตะระดับ 4.6% ในสิ้นปี 2566 


ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2565 นี้อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.25-4.5% สะท้อนให้เห็นว่าในปี 2566 เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่าลง และอาจกลับเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ให้นักลงทุนเริ่มเข้ามาซื้อทองคำมากขึ้น

 

แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหว Sideways  เนื่องจากนักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ส่วนสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ   ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และติดตามการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากนี้สหรัฐเปิดเผยดุลการค้าเดือนก.ย. ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนต.ค. การจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนต.ค. ของ ADP และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.

 

 

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,630 ดอลลาร์ และ 1,620 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,670 ดอลลาร์ และ 1,680 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,400 บาท และ 29,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 29,800 บาท และ 29,900 บาท


ที่มา  ธนรัชต์ พสวงศ์    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

ภาพประกอบ  ฮั่วเซ่งเฮง

 

ข่าวแนะนำ