เศรษฐกิจจีนช่วงหยุดยาววันชาติ ... ความทรงพลังที่กลับคืนมา โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
เศรษฐกิจจีนช่วงหยุดยาววันชาติ ... ความทรงพลังที่กลับคืนมา โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
“สัปดาห์ทอง” ที่จีนหยุดยาวหลายวันต่อเนื่อง หรือที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่า “โกลเด้นวีก” (Golden Week) ผ่านพ้นไปแล้ว ผู้คนออกเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยมากเช่นเคยหรือไม่ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในปีเสือมากน้อยเพียงใด ...
ปี 2022 ถือเป็นอีกปีหนึ่งที่จีนประสบ “เหตุการณ์ร้าย” มากมาย หลากวิกฤติจากปีก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งโควิด-19 โลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน ยังไม่ทันจางหาย จีนก็ต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทายใหม่ที่ไม่คาดคิดมากมายตามมา
เริ่มจากต้นปีก็เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และยังกลับมาระบาดเป็นช่วงๆ ในหลายหัวเมืองใหญ่ทั่วจีน ทำให้จีนไม่สามารถจัดงานกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวได้ยิ่งใหญ่อย่างที่วางแผนไว้ ตามด้วยความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และขยายวงกว้างจนทำให้เกิดวิกฤติสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ พลังงานและอาหาร
ภาพจาก reuters
การปะทุของโควิด-19 ในย่านฐานการผลิตสำคัญของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจสำคัญของจีนอย่างปากแม่น้ำแยงซีเกียง เวิ้งแถวเซี่ยงไฮ้ และเกรตเตอร์เบย์แอเรีย (Greater Bay Area) แถบมณฑลกวางตุ้ง ที่นำไปสู่การล็อกดาวน์ที่ต่อเนื่องยาวนาน ทำให้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและอุปทานขาดสะบั้น ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาคการผลิต การจ้างงาน การลงทุน และการบริโภค
“ความเดิมยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้าแทรก” วิกฤติไต้หวันก็ท้าทายจีนมากขึ้น การออกมาตรการตอบโต้ไต้หวันก็เป็นเสมือนการ “หยิกเล็กก็เจ็บเนื้อ” แต่จีนก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนเพื่อเหตุผลทางการเมืองแถมหลายพื้นที่ของจีนยังเผชิญกับภัยธรรมชาติเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง คลื่นความร้อนที่สูงเป็นประวัติการณ์ และแผ่นดินไหว
ความพัวพันของหลายปัญหาดังกล่าวทำให้ “กำลังซื้อ” ของจีนหดหายไป ส่งผลให้วิกฤติอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสัดส่วนถึงราว 30% ของจีดีพีโดยรวมของจีน กลับมาเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” ที่หลายฝ่ายหยิบยกมาพูดคุยกันในจีนและในหลายประเทศอีกครั้ง
สื่อตะวันตกและชาติพันธมิตรรายงานว่า นักวิเคราะห์ของหลายสถาบันต่างประเมินสภาวะเศรษฐกิจจีนในเชิงลบ หลายแห่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่า 3% ของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 5.5% ที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้
รัฐบาลจีนได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการกักตัวตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่เป็นพลวัตร จนล่าสุดการเดินทางจากต่างประเทศเข้าจีน ลดระยะเวลาการกักตัวเหลือ 7+3 วัน คือ ให้กักตัวในศูนย์กักตัวที่กำหนด 7 วัน และให้ไปกักตัวที่บ้านหรือโรงแรมที่พักอีก 3 วัน
หลายฝ่ายคาดหวังว่า มาตรการกักตัวจะผ่อนคลายมากขึ้นโดยลำดับหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะมีขึ้นในครึ่งหลังของเดือนตุลาคมนี้ และอาจยกเลิกได้ในช่วงปลายปีนี้
ภาพจาก reuters
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ อาทิ การส่งเสริมการยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านหยวนซึ่งครอบคลุมถึงการไฟเขียวให้รัฐบาลท้องถิ่นขายพันธบัตรระดมเงินเพื่อการลงทุน การอัดเงินเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องแก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ 500,000 ล้านหยวน การขยายระยะเวลาการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการขนาดจิ๋ว และ SMEs
อันที่จริง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้จัดงบประมาณเพื่อการสร้างความกระชุ่มกระชวยในพื้นที่ชนบทมากกว่าในเมืองมาโดยตลอด และนับแต่ต้นปีนี้ รัฐบาลจีนได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อการพัฒนาพื้นที่ชนบทคิดเป็นมูลค่าถึง 2.14 ล้านล้านหยวน เพื่อพัฒนาด้านการผลิตสินค้าเกษตร ความเป็นอยู่ของเกษตรกร และปรับปรุงพื้นที่ชนบท รวมทั้งแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตรเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร
นี่ยังไม่นับรวมการอุดหนุนดอกเบี้ยเงินกู้ การลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง การสนับสนุนสินเชื่อสำหรับสถาบันการเงิน และการสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมและอุตสาหกรรมเฉพาะด้านอาทิ การขายคูปองส่วนลดเพื่อกระตุ้นการช้อปปิ้ง และโครงการราตรี-โคโนมี (Night Economy) ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องใน 220 เมืองนับแต่เดือนพฤษภาคม 2020
ช่วง “หยุดยาววันชาติ” นำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยผ่านหลายรูปแบบที่รัฐบาลและเอกชนจีนได้พยายามใช้ประโยชน์เพื่อการฟื้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง โดยในช่วง 7 วันที่หยุดยาวหลายร้อยกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคได้ถูกนำเสนอทั่วประเทศ อาทิ การเพิ่มประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว และการแจกบัตรส่วนลดในหลายกลุ่มสินค้า
ในช่วงเวลาดังกล่าวรัฐบาลของหลายหัวเมืองก็ยังจัดกิจกรรมพิเศษมากมายในรูปของเทศกาลช้อปปิ้ง การท่องเที่ยว วัฒนธรรม กีฬา และงานแสดงสินค้าขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายกลุ่ม
ผลจากการอุดหนุนของรัฐบาลท้องถิ่น และข้อเสนอส่วนลดของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซดังกล่าว รวมทั้งสภาพอากาศที่ดีในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น
เทศกาลท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้ที่จัดขึ้นพร้อมเทศกาลช้อปปิ้งเป็นประจำทุกปี ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างเมืองได้มากถึง 10.67 ล้านคนครั้งในช่วง 3 สัปดาห์ของการจัดงานขณะเดียวกัน เฉพาะในเซี่ยงไฮ้ก็มีการกระจายคูปองส่วนลดมูลค่าถึง 135 ล้านหยวน ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยออฟไลน์และออนไลน์ในเซี่ยงไฮ้ขยายตัวอย่างมาก
ภาพจาก reuters
ถนนหนานจิง (Nanjing) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวและช้อปปิ้งสำคัญใจกลางนครเซี่ยงไฮ้ก็คึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก โดยจำนวนคนที่ออกมาเดินพักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่ ซึ่งหนาตาอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นอีกเกือบ 25% เมื่อเทียบกับในช่วง 7 วันก่อน
ยอดขายสินค้าหลายอย่างก็ดีดตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว รัฐบาลในหลายพื้นที่ยังไม่พลาดที่จะใช้โอกาสนี้สนับสนุนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน อาทิ การกระตุ้นการซื้อหาสินค้าอัจฉริยะที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
จากสถิติพบว่า ร้านค้าปลีกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจำนวน 35 แห่งในเซี่ยงไฮ้ อาทิ ซูหนิง (Suning.com) โกเม่ (Gome) จินตง (JD.com) ไป่เหลียน (Bailian) และคาร์ฟูร์ (Carrefour) สามารถสร้างยอดขาย 143 ล้านหยวนในกลุ่มสินค้าดังกล่าว
เฉพาะในวันชาติจีน ยอดขายที่ร้านซูหนิงเพิ่มขึ้น 200% เมื่อเทียบกับของวันก่อนหน้า ขณะเดียวกัน ยอดคำสั่งซื้อในสาขาใหม่ก็ขยายตัวถึง 120% สินค้ายอดนิยม ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ เครื่องล้างจาน และสินค้าภายในบ้านที่ล้ำสมัย สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า จึงนับได้ว่า กิจกรรพิเศษในช่วงดังกล่าวช่วยสร้างกระแสการจับจ่ายใช้สอยทั้งออฟไลน์และออนไลน์ และเพิ่มความกระชุ่มกระชวยของตลาดได้เป็นอย่างมาก
ข้อมูลของแพลตฟอร์มเหม่ยถวน (Meituan) ระบุว่าอุตสาหกรรมอาหารและการจัดเลี้ยงในช่วงเวลาดังกล่าวก็คึกคักเช่นกัน ร้านอาหารในจีนถูกจองผ่านโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงปักกิ่งที่ยอดการจองอาหารเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว โดยครอบคลุมทั้งอาหารชุดใหญ่ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ขนมหวาน และอาหารอื่น
การจองตั๋วหนังที่ซบเซาอย่างมากในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมาก็พลิกฟื้นจนทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง “ใจชื้น” ขึ้นมาบ้าง แม้กระทั่งยอดขายคอนโดของหลายโครงการในหัวเมืองใหญ่ อาทิ เซี่ยงไฮ้ ก็ขยายตัวถึงระดับ 2 หลักเมื่อเทียบกับของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่หลายฝ่ายกังวลใจในสถานการณ์ “วิกฤติ” ว่าจะขยายวงหรือไม่ อย่างไร
นอกจากนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวยังถือเป็นอีกห้วงหนึ่งของการ “อพยพ” ข้ามเมืองของชาวจีนเพื่อไปเยี่ยมญาติพี่น้องและพักผ่อนหย่อนใจกันเป็นจำนวนมาก โดยการจองตั๋วเดินทางและสั่งซื้อสินค้าเพื่อการท่องเที่ยว อาทิ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่เหลว และยาสระผมชนิดพกพา ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำในจีนเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนหน้านั้น
ในระหว่างวันที่ 28 กันยายน-8 ตุลาคม 2022 ซึ่งเป็นวันสุกดิบและวันหยุดทางการของจีนรวม 11 วันมีคนจีน โดยจำแนกเป็นรถไฟความเร็วสูงซึ่งเป็นเสมือนรูปแบบการเดินทางหลักของชาวจีนในปัจจุบันรวมให้บริการทั้งสิ้น 68.5 ล้านคนหรือเฉลี่ยราว 6.23 ล้านคนต่อวัน โดย “วันชาติจีน” ถือเป็นวันที่มีคนใช้บริการสูงสุดที่ราว 8 ล้านคน
ภาพจาก reuters
อุตสาหกรรมการบินก็ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสัปดาห์หยุดยาว โดยมีบริการด้านการบินจำนวน 10,000 เที่ยวบินต่อวันให้บริการแก่ผู้โดยสารจำนวนรวมมากกว่า 7.8 ล้านคน อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวก็ยังต่ำกว่าในช่วงก่อนวิกฤติโควิดกว่า 20%
ขณะเดียวกัน ยอดการจองโรงแรมที่พักในหัวเมืองใหญ่ก็เพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้โดยปักกิ่ง ซูโจว และกวางโจวคว้าแชมป์แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงสัปดาห์ทองของปีนี้ไป
นอกจากนี้ ผมยังสังเกตเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงจากการเดินทางและพักผ่อนของชาวจีนในรอบนี้หลายประการ นักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงหยุดยาววันชาติในปีนี้ นิยมเดินทางในระยะสั้นๆ ราว 80% เป็นสไตล์ทัวร์ท้องถิ่นแบบไม่ไกลจากบ้านพัก ซึ่งส่วนสำคัญน่าจะเป็นเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดที่ผุดขึ้นในหลายระลอก
ขณะเดียวกัน ชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในชุมชนเมือง ก็เปลี่ยนพฤติกรรมหันไปเลือกการพักผ่อน “กลางแจ้ง” กันมากขึ้นถึง 200% อันเนื่องจากปัจจัยด้านการสาธารณสุข และด้านสภาพอากาศ เพราะช่วงหยุดยาววันชาติถือเป็นช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของจีน ส่งผลให้สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักค้างแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกในชนบท รวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเต็นท์ และอุปกรณ์ถ่ายภาพกลางแจ้งเบ่งบานอย่างมาก
“โกลเด้นวีก” สุดท้ายของปีเสือในจีนได้ผ่านพ้นไปแล้ว นั่นหมายความว่า เราจะไม่ได้เห็นความวุ่นวายของผู้คนหลายร้อยล้านคนที่เดินทางอีกแล้วในปีนี้แต่สิ่งสำคัญก็คือ การจัดกิจกรรมในช่วง “โกลเด้นวีก” ในปีนี้ช่วยกระตุ้น เศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก และจีนจะสามารถต่อยอดกระแสดังกล่าวได้หรือไม่ อย่างไร...
ภาพจาก AFP แฟ้มภาพ