TNN online เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

TNN ONLINE

คอลัมนิสต์

เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา มีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการทดลองเงินหยวนดิจิทัลของจีนระลอก 3 แต่ก็ถูกหลายข่าวใหญ่กลบจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติยูเครน อาหาร และพลังงาน ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ และการประชุมออนไลน์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีน และตามมาด้วยวิกฤติไต้หวัน 

ผมเห็นว่า ช่วงนี้ “เรื่องร้อน” เกี่ยวกับจีนเริ่มซาลง เลยขอใช้โอกาสนี้มาเล่าความคืบหน้าของเงินหยวนดิจิทัล และการเตรียมเปิดตัวให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสใช้ในครั้งใหญ่กันครับ ...

จีนเริ่มทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2020 โดยเริ่มนำร่องใช้ใน 4 เมืองใน 4 ภูมิภาคของจีน อันได้แก่ เซินเจิ้น (มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน) ซูโจว (มณฑลเจียงซู ซีกตะวันออกของจีน) เฉิงตู (มณฑลเสวน ซีกตะวันตกของจีน) และสวงอัน (เมืองใหม่ในมณฑลเหอเป่ย ตอนเหนือของจีน)

หลังจากนั้นเพียงราว 4 เดือน จีนก็ขยายการทดสอบการใช้ใน 12 เมืองใน 3 ระเบียงเศรษฐกิจสำคัญของจีน อันได้แก่ พื้นที่สามเหลี่ยมจิงจินจี้ (กรุงปักกิ่ง นครเทียนจิน และมณฑลเหอเป่ย) พื้นที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง (นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู อันฮุย และเจ้อเจียง) และพื้นที่ปากแม่น้ำไข่มุก หรือที่เรียกในชื่อใหม่ว่า “เกรดเทอร์เบย์แอร์เรีย” (มณฑลกวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า)

จีนยังพยายามขยายโอกาสการใช้เงินหยวนดิจิทัลของคนจีนผ่านการเพิ่มจำนวนผู้ใช้ ร้านค้า และประเภทธุรกรรมได้หลากหลายมากขึ้น อาทิ ค่าน้ำค่าไฟฟ้า ค่าอาหารและเครื่องดื่ม การเดินทาง และการจับจ่ายใช้สอยทั่วไป รวมทั้งยังแจกอั่งเปาและเงินพิเศษกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนในรูปเงินดิจิทัล ส่งผลให้ ณ เดือนตุลาคม 2021 จีนมีคนที่ได้มีโอกาสใช้เงินหยวนดิจิตัลจำนวน 140 ล้านคน หรือราว 2 เท่าตัวของจำนวนประชากรไทย

นอกจากนี้ จีนยังได้เริ่มทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลกับพื้นที่นอกแผ่นดินใหญ่ โดยให้คนฮ่องกงที่ข้ามช่องแคบมาใช้ชีวิตในมณฑลกวางตุ้งได้รับโอกาสในการใช้เงินหยวนดิจิทัล

เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ผมมองว่า สาเหตุสำคัญที่จีนเร่งขยายการทดลงใช้เงินหยวนดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ก็เป็นเพราะนี่เป็นโครงการใหญ่ของจีนที่สนับสนุนนโยบาย “การผลักดันให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินสากล” และต้องการจะเปิดตัวให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสเงินหยวนดิจิตัลในช่วงที่ปักกิ่งเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว

อย่างไรก็ดี ผลจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในหลายพื้นที่ของจีนในช่วงต้นปี 2022 ทำให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวต้องจัดภายใต้ “ระบบวงปิด” (Closed-Loop System) นักกีฬา กรรมการ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสื่อมวลชนถูกกำหนดให้อยู่ในพื้นที่และเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น ขณะเดียวกัน จีนก็ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจีน ทำให้จีนพลาดโอกาสในการเปิดตัวเงินหยวนดิจิตัลกับชาวต่างชาติไปในที่สุด 

แต่จีนก็ไม่ได้ย่อท้อ ต้นเดือนเมษายน 2022 จีนได้ประกาศขยายการทดลองการใช้เงินหยวนดิจิทัลระลอก 3 โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วจีนสามารถดาวน์โหลดแอพตัวใหม่ ทั้งในระบบแอนดรอยด์ (Android) และไอโอเอส (iOS) ได้เป็นครั้งแรก 

ขณะเดียวกัน จีนก็เพิ่มจำนวนเมืองที่เปิดให้ใช้เงินหยวนดิจิตัลอีกเกือบเท่าตัวจาก 12 เมืองเป็น 23 เมือง ประการสำคัญ ในจำนวน 11 เมืองที่เพิ่มขึ้นในระลอก 3 นี้ มีอยู่ 6 เมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง อันได้แก่ หังโจว หนิงโปว เวินโจว หูโจว เส้าซิง และจินหัว ซึ่งล้วนเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของมณฑลเจ้อเจียง

นัยสำคัญที่แฝงอยู่ก็คือ หังโจว ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑล จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 19 ที่ถูกเลื่อนกำหนดการเป็น 23 กันยายนถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนมีสภาพอากาศเย็นสบายและตรงกับช่วงหยุดยาววันชาติอีกด้วย

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ รัฐบาลจีนไม่เพียงวางแผนจะจัดงานเอเชี่ยนเกมส์อย่างยิ่งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาเท่านั้น แต่ยังจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวในการเปิดตัวเงินหยวนดิจิทัลสู่เวทีระหว่างประเทศอีกด้วย หลังจากพลาดโอกาสงามในช่วงของการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

และเพียงไม่กี่วันหลังการทดลองระลอก 3 วีแชต (WeChat) ก็ประกาศจะเริ่มเปิดให้เงินหยวนดิจิตัลเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการชำระเงิน ผมกำลังพูดถึงผู้ใช้วีแชต 1,200 ล้านบัญชี โดยในจำนวนนี้ มีอยู่ถึง 750 ล้านบัญชีที่ใช้บริการอยู่เป็นประจำ

นั่นหมายความว่า จากนี้ไปเราจะเห็นจำนวนผู้ใช้เงินหยวนดิจิตัลจะเพิ่มอย่างรวดเร็ว จาก 140 ล้านคนเมื่อเดือนตุลาคม 2021 เป็นเกือบ 1,000 ล้านบัญชีในเวลา 1 ปีต่อมาเท่านั้น    

ระบบใหม่ยังเปิดโอกาสให้คนจีนสามารถสมัครใช้งานแบบออฟไลน์ผ่าน 7 สถาบันการเงินหลักของจีน อันได้แก่ ไอซีบีซี (ICBC) Agricultural Bank of China (ธนาคารเพื่อการเกษตร) Bank of China (ธนาคารแห่งชาติจีน) China Construction Bank (ธนาคารเพื่อการก่อสร้าง) Bank of Communications (ธนาคารเพื่อการสื่อสาร) Postal Savings Bank of China (ธนาคารไปรษณีย์และออมทรัพย์) และ China Merchants Bank (ธนาคารเพื่อการค้า)  

ขณะเดียวกัน เพื่อความสะดวกคล่องตัว ระบบก็เปิดให้สามารถลงทะเบียนผ่านธนาคารออนไลน์ ได้แก่ วีแบ้งค์ (WeBank) ค่ายเดียวกับวีแชตเพย์ (WeChat Pay) และมายแบ้งค์ (My Bank) ของอาลีเพย์ (Alipay) ได้อีกด้วย

ระบบที่เปิดใช้อยู่ในปัจจุบันพยายามสร้างฟังก์ชั่นที่เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ แต่ยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเอาไว้ด้วย โดยในชั้นนี้ ระบบจัดแบ่ง “กระเป๋าตังค์ดิจิทัล” (E-Wallet) ออกเป็น 2 ระดับ อันได้แก่ ระดับทั่วไป ที่เปิดโอกาสให้คนจีนสามารถลงทะเบียนผ่านวีแชตเพย์และอาลีเพย์ โดยอาศัยเพียงข้อมูลเลขบัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งเลขบัญชีธนาคาร (ถ้ามี)

เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ในทางปฏิบัติ ระบบเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการแต่ละคนไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินหยวนดิจิทัล และสามารถมีกระเป๋าตังค์ดิจิทัลได้หลายใบ เพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น กระเป๋าหนึ่งเพื่อการใช้จ่ายรายวัน อีกกระเป๋าหนึ่งเพื่อการชำระค่าบริการสาธารณูปโภค และอีกกระเป๋าหนึ่งเพื่อการเชื่อมต่อกับบัตรเครดิต

ในกรณีที่เป็นการโอนเงินเพื่อการใช้จ่ายรายวันที่มีจำนวนเงินไม่มาก เช่น การโอนเงินค่าอาหารให้เพื่อน หรือการจ่ายเงินค่าขนมแก่ลูกหลาน ระบบก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือก “ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล” ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ระบบยังติดตั้งระบบการสื่อสารระยะใกล้ (NFC) ในรูปแบบวิทยุคลื่นสั้น ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่ผ่านการลงทะเบียนสามารถโอนเงินให้แก่กันเพียงแค่การนำเอาโทรศัพท์มือถือมาแตะกัน 

หรือผู้ใช้เพียงแค่นำสิ่งของที่มีชิปพร้อมเงินหยวนดิจิตัลมาใกล้ๆ อุปกรณ์ชำระเงิน ก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามที่ต้องการ เช่น ค่าโดยสาร ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าบัตรผ่านประตู และอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมในยุคเป็นปกติใหม่ (New Normal) ที่ต้องการรักษาระยะห่างและลดการสัมผัสอีกด้วย

ผู้อ่านอาจสงสัยว่ากรณีหลัง จะมีประโยชน์อย่างไร ผมเรียนว่า ฟังก์ชั่นในส่วนนี้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสที่หังโจวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ในปีหน้า โดยจีนสามารถฝังชิปคุณภาพขนาดเล็กไว้ในของขวัญของที่ระลึก อาทิ เสื้อผ้า ถุงมือ เข็มกลัด บัตรโดยสาร และอื่นๆ 

เมื่อเงินหยวนดิจิทัลเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกครั้งใหม่ โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ผู้คนสามารถซื้อของขวัญของที่ระลึกดังกล่าวที่มีชิปฝังอยู่พร้อมเงินหยวนดิจิทัลได้พร้อมกัน ซึ่งช่วยให้สะดวกและประหยัดเวลาในการชำระเงิน เช่น การจ่ายค่าบริการขนส่งสาธารณะ หรือค่าอาหาร ผู้ใช้บริการก็เพียงถอดหมวกที่มีชิปฝังอยู่แตะเครื่องรับชำระเงิน ก็เป็นอันเรียบร้อย โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดแอพชำระเงิน หรือกังวลใจกับสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตแต่อย่างใด 

อีกส่วนหนึ่งได้แก่ อีวอลเล็ตระดับสูง (High-Level Wallet) ซึ่งเหมาะสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่มีเลขที่บัตรประชาชนของจีน อย่างไรก็ดี ในชั้นนี้ ระบบกำหนดขอบข่ายการใช้บริการไว้ไม่เกิน 5,000 หยวนต่อวัน และรวมกันต้องไม่เกิน 50,000 หยวนต่อปี

โดยที่ระบบช่วยจัดเก็บและกำกับข้อมูลการใช้เงินหยวนดิจิทัล ทำให้สามารถติดตามตรวจสอบย้อนหลังได้ สิ่งนี้จะช่วยให้รัฐบาลจีนสามารถบริหารจัดการเศรษฐกิจได้อย่างเป็นปัจจุบัน เพิ่มระดับการปกป้องความเป็นส่วนตัวของประชาชน และลดปัญหาอาชญากรรมและคอรัปชั่นได้ในอีกส่วนหนึ่งในอนาคต

มองภาพออกไปในอนาคต แบ้งค์ชาติจีนจะขยายพื้นที่นำร่องเข้าสู่ตอนในและซีกตะวันตกของจีน และเพิ่มเครือข่ายไปยังธนาคารธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อยกระดับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเมืองรองและพื้นที่ชนบท ก่อนการผลักดันเงินหยวนดิจิตัลสู่ต่างประเทศต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนว “ความริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” 

รัฐบาลจีนจะใช้เวลาในราว 1 ปีข้างหน้านี้ในการเพิ่มธุรกรรม ขยายพื้นที่และช่องทาง และพัฒนาฟังก์ชั่นในการใช้บริการก่อนเปิดให้ชาวต่างชาติได้สัมผัสเงินหยวนดิจิตัลกัน 

การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้มีประสบการณ์การใช้เงินหยวนดิจิตัลในช่วงการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่หังโจว จะเป็นเพียงอีกก้าวหนึ่งของความสำเร็จ จีนยังมี “อีกหลายก้าว” ในการเพิ่มอุปสงค์การใช้เงินหยวนดิจิตัลในวงกว้างต่อไป

ผมก็ได้แต่หวังว่าจีนจะไม่ “ผิดแผน” รอบสอง เพราะนั่นหมายความว่า ภายหลังการเผชิญวิกฤติโควิด-19 ในรอบเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา จีนกำลังจะกลับสู่สภาวะปกติ ผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการกักตัวคนที่เดินทางจากต่างประเทศ

 ...

ข้อมูลจาก  : ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ภาพจาก  : AFP

ข่าวแนะนำ