"Bitcoin" ร่วง หลุด 20,000 ดอลลาร์ ปัจจัยอะไรบ้างที่กดดันตลาดคริปโต! โดย Zipmex

                  ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคา Bitcoin ร่วงไป 30% ซึ่งมาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยของ Fed, ราคาเหรียญคริปโตมีการหลุด Peg จนทำให้นักลงทุนหลายคนต้องโดนบังคับขายและมีสถาบันการเงินที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหนัก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กำลังกดดันตลาดและนักลงทุนส่วนใหญ่มีการ Panic กับสถานการณ์เหล่านี้ด้วย

 

เงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

                  ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีการปรับอัตราดอกเบี้ย 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพฤษภาคม 2022 และยังมีนโยบายที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.5% - 1.75% ภายในปีนี้ ถือว่าเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี และ Fed ได้ทยอยปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening: QT) อีกด้วย จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ปรับลดการถือสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงลงและส่งผลกระทบต่อสภาพตลาดคริปโตไปด้วย

 

เหรียญ stETH หลุด Peg ส่งผลต่อแพลตฟอร์ม DeFi ในวงกว้าง

                  เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2022 เหรียญ stETH หรือ Staked Ethereum ได้หลุด Peg กล่าวคือ มูลค่าเหรียญ stETH มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ETH โดยปกติแล้ว Staker นำเหรียญ ETH มา Stake ไว้บนแพลตฟอร์มและจะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญ stETH แทน ETH ซึ่งมีอัตราส่วน 1:1 สาเหตุที่เหรียญ stETH มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ETH มาจากกองทุน Almeda ได้มีการเทขายเหรียญ stETH จำนวน 50,000 stETH บนแพลตฟอร์ม Curve Finance และนักลงทุนเห็นว่ากองทุน Almeda มีการเทขายเหรียญจึงทำให้เหล่านักลงทุนเริ่มเทขายตาม ทำให้ราคาเหรียญ stETH มีมูลค่าต่ำกว่า ETH ที่อ้างอิงไว้ จึงส่งผลให้ราคาเหรียญ ETH ร่วงลงแรงเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม DeFi ที่เกี่ยวข้องกับ stETH ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แพลตฟอร์ม Lido Finance เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมการ Stake เหรียญ ETH เพื่อนำ ETH ไปฝากไว้บนเครือข่าย Beacon Chain ของ Ethereum ซึ่งเหรียญ stETH บนแพลตฟอร์ม Lido มีมูลค่าต่ำกว่า 1 ETH และแพลตฟอร์ม Celsius ได้นำเหรียญ stETH ไปค้ำประกันเพื่อกู้เหรียญ Stablecoin ออกมา เมื่อเกิดเหตุการณ์ราคา stETH ร่วงอาจจะทำให้ทาง Celsius ต้องโดนบังคับเทขายเหรียญ stETH จึงทำให้ทางแพลตฟอร์มประกาศงดให้บริการถอน แลกเปลี่ยนและโอนเหรียญชั่วคราวและส่งผลให้เหรียญ CEL ของ Celsius ปรับตัวลงแรงจากการเทขายของนักลงทุนที่ขาดความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์ม

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก CoinMarketCap

 

เหรียญ Stablecoin อย่าง USDD หลุด Peg

                  ในขณะเดียวกันที่เกิดเหตุการณ์ stETH หลุด Peg ก็มีอีกหนึ่งเหรียญที่หลุด Peg เช่นกัน คือ เหรียญ USDD เป็นเหรียญ Stablecoin ของ Tron Blockchain ในรูปแบบ Algorithm ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับเหรียญ UST ของ Terra Blockchain โดยมูลค่าเหรียญอ้างอิงกับมูลค่าดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 คือ 1 USDD เท่ากับ 1 USD เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2022 มูลค่า USDD ได้ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ดังนั้น Tron DAO ได้นำเหรียญ USDC จำนวน 700 ล้านดอลลาร์อัดฉีดเข้าไปในระบบเพื่อให้ราคา USDD กลับไปอยู่ที่เดิม แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ราคาเหรียญ USDD ยังคงมีมูลค่าต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคา TRX ร่วงลงแรงนอกจากนี้ทาง Tron ได้เผยว่า USDD มีสินทรัพย์ที่ค้ำประกันมากกว่า 300% ทาง Tron DAO เก็บสินทรัพย์สำรองไว้ ได้แก่ USDT, USDC, BTC และ TRX ทาง Tron เองก็มีวิธีการนำสินทรัพย์มาค้ำประกันให้มีมูลค่ามากกว่า Supply ของ USDD เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือน UST แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าเหรียญ USDD จะสามารถเป็นเหรียญ Stablecoin แบบ Algorithm ได้จริงหรือไม่

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก CoinMarketCap

 

นักลงทุนกังวลบริษัท MicroStrategy จะใกล้จุด Liquidate

                  บริษัท MicroStrategy เป็นบริษัทมหาชนที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดเป็นจำนวน 129,218 BTC เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทาง MicroStrategy ได้กู้เงินจำนวน 205 ล้านดอลลาร์กับธนาคาร Silvergate มาเพื่อซื้อ Bitcoin และนำ Bitcoin ที่ถืออยู่มาเป็นหลักค้ำประกัน ในช่วงนั้นราคา Bitcoin ปรับตัวลงเกือบ 21,000 ดอลลาร์ ทำให้ทางบริษัทต้องนำ Bitcoin มาวางหลักประกันเพิ่มและถ้าหากบริษัทไม่เพิ่มหลักประกันอาจจะทำให้บริษัทต้องถูกบังคับขายหลักประกันไป แต่ทาง MicroStrategy ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทางบริษัทยังไม่ถูกเรียกให้วางหลักประกันเพิ่มและบริษัทพร้อมที่จะวางหลักประกันเพิ่มเสมอ นอกจากนี้ทางบริษัทจะวางหลักประกันเพิ่มก็ต่อเมื่อราคา Bitcoin ต่ำกว่า 3,500 ดอลลาร์

 

กองทุน Three Arrows Capital (3AC) กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะล้มละลาย

                  Three Arrow Capital (3AC) เป็นบริษัท Venture Capital ที่ใหญ่ติด 1 ใน 5 ของโลก มีมูลค่าสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 10,000 - 18,000 ล้านดอลลาร์ บริษัทได้ลงทุนเหรียญคริปโตในรอบ Seed Round หรือ Private Round ทำให้ได้มาในราคาต้นน้ำ เช่น Avalanche, Kusama, Near, Polkadot, Solana, Aave, Balancer, DYDX เป็นต้น บริษัทได้ลงทุนใน Terra ด้วยและขาดทุนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้บริษัทได้นำสินทรัพย์ที่ถือไว้ไปค้ำประกันเพื่อกู้ Stablecoin ไปฟาร์มเพื่อทำกำไรอีกทอดหนึ่ง ตอนนี้สภาพตลาดกำลังแย่จึงทำให้ถึงจุด Margin Call ที่บริษัทจะต้องนำสินทรัพย์มาเติมเพิ่มเพื่อไม่ให้ถูก Liquidate และแน่นอนว่าถ้าหากบริษัทถึงจุด Liquidate เมื่อไหร่และทางบริษัทจำเป็นต้องเทขายเหรียญที่ถือครองอยู่ เมื่อนั้นแหละอาจจะเป็นการพังทลายตลาดอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นตอนนี้บริษัทกำลังมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายและได้มีการจ้างนักกฎหมายและที่ปรึกษาด้านการเงินมาเพื่อช่วยหาทางออกและวิธีแก้ปัญหาที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย

 

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Three Arrows Capital

 

นักขุด Bitcoin กำลังสร้างความตึงเครียดต่อ Bitcoin

                  สถานการณ์สภาพตลาดในตอนนี้ยังคงกดดันนักขุด Bitcoin เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 นักขุดเลือกที่จะเทขายมากกว่าถือครอง Bitcoin ดังนั้นปริมาณ Outflow ที่ออกจากคลังสำรองมีปริมาณเทขายออก 5,000 - 8,000 BTC/เดือน หลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงลงถึง 28,000 ดอลลาร์ กลุ่มนักขุดเริ่มหยุดเทขาย Bitcoin จึงทำให้ Balance เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,400 BTC/เดือน ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2022

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Glassnode

 

เหตุการณ์ Solend จะทำให้ Solana แตกหรือไม่

                  เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2022 นักลงทุนรายใหญ่ได้นำเหรียญ SOL จำนวน 5.7 ล้าน SOL ฝากไว้บนแพลตฟอร์ม DeFi ที่ชื่อว่า Solend เพื่อกู้เหรียญ USDC และ USDT จำนวน 108 ล้านดอลลาร์ ถ้าราคา SOL ร่วงแตะ 22.30 ดอลลาร์ ทำให้วาฬต้องถึงจุด Liquidate ถึง 20% ของมูลค่าที่กู้ยืมมาทั้งหมด ดังนั้นทางทีม Solend ได้เปิดข้อเสนอฉุกเฉินให้โหวตเพื่อควบคุมกระเป๋าวาฬโดยให้ชำระเงินที่กู้ยืมมาบางส่วนก่อน และผลโหวตพบว่า ปริมาณ 97% เห็นด้วยกับผลโหวต ซึ่งคะแนนโหวต 90% มาจาก Wallet เดียว ทำให้หลายคนมีความเห็นว่านี่ไม่ใช่แนวคิดของระบบ Decentralized เลย แต่แล้วราคาเหรียญได้ดีดกลับขึ้นมา 12% ภายใน 24 ชม. จึงทำให้ทาง Solend ไม่ยึดกระเป๋าวาฬและมีการตั้งข้อเสนอใหม่ว่า ให้ยกเลิกข้อเสนอเดิมและผลโหวตส่วนใหญ่กลับเห็นด้วย

ขอขอบคุณรูปภาพจาก Twitter

 

                 
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น ส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบเป็นทอด ๆ อันเนื่องมาจากการนำสินทรัพย์ไปค้ำประกันเพื่อทำกำไรหลายทอด เมื่อราคาร่วงลงมาก ๆ จึงทำให้ต้องโดนบังคับขายสินทรัพย์ ซึ่งจะยิ่งทำให้ราคาเหรียญ คริปโต ร่วงลงหนักกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าช่วงนี้มีข่าวหรือปัจจัยที่กดดันสภาพตลาด ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนบริหารความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลโปรเจกต์คริปโตอย่างถี่ถ้วน

ข้อมูลโดย  ธนาวดี บางวัฒนกุล Research Specialist Zipmex 

ภาพประกอบ :AFP ,Zipmex