TNN online ทำไมโควิด-19 ระลอกใหม่จึงสำคัญกับจีนและโลก (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

TNN ONLINE

คอลัมนิสต์

ทำไมโควิด-19 ระลอกใหม่จึงสำคัญกับจีนและโลก (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ทำไมโควิด-19 ระลอกใหม่จึงสำคัญกับจีนและโลก (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ทำไมโควิด-19 ระลอกใหม่จึงสำคัญกับจีนและโลก (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน

ข่าวการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เซี่ยงไฮ้นับแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การประกาศล็อกดาวน์เต็มรูปนับแต่ปลายเดือนมีนาคมและลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน สร้างความกังวลใจกับทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนจีนในวงกว้าง รวมทั้งยังทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนเกิดคำถามตามมาว่า ทำไมการระบาดที่เซี่ยงไฮ้ระลอกใหม่นี้จึงมีความสำคัญมากขนาดนั้น ...

ในส่วนแรก วิกฤติโควิดในเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้รุนแรงมาก จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันที่อยู่ในระดับหลักสิบในช่วงต้นเดือนมีนาคม ขยับเป็นหลักร้อยในช่วงสัปดาห์ต่อมา และขึ้นสู่ระดับหลักพันในช่วงปลายเดือน 

ครั้นเข้าสู่เดือนเมษายน ท่ามกลางความพยายามในการเร่งตรวจผู้ติดเชื้อแบบ RT-PCR กับประชาชนในเซี่ยงไฮ้อย่างเข้มข้นในวงกว้าง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็พุ่งทะยานสู่หลักหมื่น และยังเพิ่มขึ้นต่อไป จนสร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งเมือง

นอกเหนือจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีอยู่มากแล้ว การติดเชื้อระลอกนี้ยังมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากที่ผ่านมา กล่าวคือ จากข้อมูลของหน่วยงานด้านการสาธารณสุขของเซี่ยงไฮ้ พบว่า กว่า 95% เป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ ซึ่งเหตุผลสำคัญอาจเป็นเพราะเซี่ยงไฮ้มีสัดส่วนของผู้คนที่ฉีดวัคซีนครบโดสค่อนข้างสูง และเป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน จนนำไปสู่คำถามถึงความเหมาะสมในการดำเนินนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน

อย่างไรก็ดี ด้วยนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดในอนาคต  ผนวกเข้ากับความหนาแน่นของประชากรและความสำคัญทางเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้ ก็ทำให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องเร่งรัดและเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขปัญหาวิกฤติในครั้งนี้ก่อนที่ผลกระทบจะไปไกลจนกู่ไม่กลับ 

เราต่างทราบกันดีว่า มหานครเซี่ยงไฮ้เป็นเสมือนเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของจีน โดยมีความโดดเด่นในการเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การค้า ลอจิสติกส์  และนวัตกรรมของจีน 

ความทรงพลังและเก่งกาจทางเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้นี้เองก็ถูกกระทบจากการล็อกดาวน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม และมีแนวโน้มที่จะขยายวงต่อไปถึงเศรษฐกิจจีนและโลกได้ไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการล็อกดาวน์ ประเภทธุรกิจ/อุตสาหกรรม และตัวแปรอื่น


ทำไมโควิด-19 ระลอกใหม่จึงสำคัญกับจีนและโลก (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ภาพจาก AFP


ในเชิงปริมาณ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรอันดับ 2 ของจีน รองจากนครฉงชิ่ง โดยมีประชากรอยู่ที่ราว 26 ล้านคน แต่หากนับรวมคนที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บเมืองและเข้ามาทำงานในเซี่ยงไฮ้แบบเช้าไปเย็นกลับ รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างเมือง เราก็อาจพูดถึงจำนวนประชากรถึง 30 ล้านคนที่เซี่ยงไฮ้รองรับในแต่ละวัน หรือเกือบ 3 เท่าของอู่ฮั่นที่เกิดการระบาดของโควิดครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน

ในเชิงคุณภาพ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ของจีน โดยมีมูลค่าราว 4.32 ล้านล้านหยวน คิดเป็นเกือบ 4% ของจีดีพีโดยรวมของจีนในปัจจุบัน นั่นหมายความว่า การหายไปของเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้จะทำให้เศรษฐกิจจีนลดลงราว 0.2 หน่วยจากอัตราการเติบโตโดยรวมเลยทีเดียว 

หากทอนออกมาเป็นรายวัน เศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ในแต่ละวันก็มีมูลค่าราว 11,900 ล้านหยวน ดังนั้น หากประเมินค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์อยู่ที่ระดับ 80% ของขนาดเศรษฐกิจ ก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้จะหดหายไปถึง 9,600 ล้านหยวนต่อวัน หรือ 288,000 ล้านหยวนต่อเดือน ซึ่งคิดเป็นถึงเกือบ 7% ของเศรษฐกิจโดยรวมของเซี่ยงไฮ้เลยทีเดียว

นอกจากนี้ ด้วยขนาดเศรษฐกิจดังกล่าว และระบบการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพ เซี่ยงไฮ้ยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลจีน โดยในแต่ละปี รัฐบาลเซี่ยงไฮ้สามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 1 ล้านล้านหยวน ในจำนวนนี้ 65% ถูกนำส่งให้แก่รัฐบาลกลาง และอีก 35% ถูกจัดเก็บไว้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น 

เม็ดเงินภาษีจำนวนดังกล่าวทำให้เซี่ยงไฮ้เป็นแหล่งรายได้อันดับที่ 2 ของรัฐบาลกลาง และสามารถนำไปใช้ในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของหลายมณฑล โดยหากพิจารณาเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางในปีที่ผ่านมา รายได้ดังกล่าวจะเท่ากับเงินอุดหนุนการพัฒนาให้แก่ 3 มณฑลใหญ่ของจีน ได้แก่ เหอหนาน เฮยหลงเจียง และเสฉวนได้เลยทีเดียว

ในทางกลับกัน การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ย่อมส่งกระทบเชิงลบต่อผลประกอบการของกิจการในพื้นที่ ซึ่งนั่นจะทำให้การจัดเก็บภาษีในปีนี้ลดลง และกระทบต่อเม็ดเงินรายได้ของภาครัฐและเงินอุดหนุนการพัฒนาของรัฐบาลกลางต่อมณฑลรองนั่นเอง

นอกจากนี้ คนเซี่ยงไฮ้ยังมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวอันดับต้นๆ ของจีนมาโดยตลอด โดยอยู่ที่หัวละกว่า 78,000 หยวนต่อปีในปัจจุบัน แถมเซี่ยงไฮ้ยังมีสภาพปัจจัยแวดล้อม ทั้งในด้านสภาพอากาศ โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก และร้านรวงที่เอื้อต่อการจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย

ครั้นเมื่อถูกล็อกดาวน์ ผู้บริโภคก็ไม่อาจออกจากบ้านได้ เปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยไปสู่ออนไลน์ เลือกซื้อหาอาหารและสินค้าจำเป็นอื่นเป็นหลักก่อน และชะลอการจับจ่ายใช้สอยสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ต่างชาติที่เข้าไปทำตลาดในเซี่ยงไฮ้ 

ขณะเดียวกัน เซี่ยงไฮ้ก็เป็นตลาดท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยมีชาวจีนและต่างชาติแวะเวียนไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้หลายร้อยล้านคนครั้งในแต่ละปี แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวได้ลดลงไปมากหลังโควิด-19 อุบัติขึ้นเมื่อกว่า 2 ปีก่อนก็ตาม   

แต่การล็อกดาวน์ในครั้งนี้ก็น่าจะสร้างความเสียหายกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าปลีก โรงแรม โลจิสติกส์ และอื่นๆ หากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ยังไม่แตะจุดสูงสุดในสัปดาห์หน้า เซี่ยงไฮ้อาจไม่สามารถเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ในช่วงหยุดยาววันแรงงาน (ต้นเดือนพฤษภาคม) 

ทำไมโควิด-19 ระลอกใหม่จึงสำคัญกับจีนและโลก (ตอน 1) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ภาพจาก AFP

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในวงกว้างยิ่งขึ้น กล่าวคือ ในเชิงภูมิศาสตร์ เซี่ยงไฮ้ยังเป็น “หัวมังกร” ของอีก 26 หัวเมืองใหญ่ในมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง และอันฮุยในการพัฒนากลุ่มเมืองย่าน “อกไก่” ที่ใหญ่ที่สุดของจีน 

ขณะเดียวกัน ในเชิงระยะเวลา หากการล็อกดาวน์ลากยาวไปจนถึงช่วงกลางปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของเซี่ยงไฮ้ และอาจทำให้กำลังซื้อที่มีอยู่ของเซี่ยงไฮ้หดหายไป ความมีชีวิตชีวาของตลาดค้าปลีกเจือจางลง และความไม่มั่นใจต่ออนาคตของเศรษฐกิจสั่นคลอน ซึ่งกระทบชิ่งต่อไปจนถึงสถานะของเซี่ยงไฮ้ในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านบริโภคและด้านแฟชั่นของจีนและของโลก รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของจีนในอนาคตอย่างปฏิเสธไม่ได้

ประเด็นหนึ่งที่เป็นควันหลงของวิกฤติในครั้งนี้ ก็คือ ในด้านหนึ่ง การล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะใหญ่สุดนับแต่เกิดปัญหาที่อู่ฮั่นเมื่อสองปีก่อน ความเสี่ยงของผู้คนที่จะติดเชื้อโควิดโดยรวมมากกว่าของอู่ฮั่นเกือบ 3 เท่าตัว ซึ่งนั่นหมายความว่า อาจต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหายาวนานกว่าที่คาดคิดไว้

ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง การเตรียมการและการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ก็ดูจะไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผลการแก้ไขปัญหาต่ำกว่าความคาดหวังของหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการขาดแคลนอาหาร การแย่งชิงหาซื้ออาหารและการประท้วงในหมู่ประชาชนเกิดขึ้นในหลายแห่ง 

ราคาอาหารก็พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว จนผู้คนในท้องถิ่นประชดประชันกันว่า “ผักสดเหล่านี้ต้องมีแบรนด์ตะวันตกเป็นแน่” ขณะที่ความพร้อมในการจัดซื้ออาหารของซุปเปอร์มาร์เก็ตยุคใหม่ และการจัดการด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งสินค้าท่อนสุดท้ายถึงมือลูกค้าก็เป็นปัญหาใหญ่ 

บางคนสั่งซื้อผักสดออนไลน์เพียงกำมือเดียวต้องจ่ายเงิน 100 หยวนไม่พอ แต่ยังต้องแบกรับค่าจัดส่งอีกถึง 300 หยวน จนก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนในวงกว้าง 

บางส่วนยังเปรยว่า เซี่ยงไฮ้ไม่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำให้ท้องฟ้าเหนือเซี่ยงไฮ้หม่นหมองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และลามไปถึงความไม่มั่นใจในการบริหารจัดการบ้านเมือง หากต้องเผชิญกับวิกฤติอื่นใดในอนาคต 

ถึงขนาดมีข่าววงในว่า สี จิ้นผิงกำลังวางแผนจะเดินทางไปเยือนเซี่ยงไฮ้เพื่อปลุกขวัญกำลังใจของพนักงานของรัฐและอาสาสมัครที่ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ในเร็วๆ นี้! 

คราวหน้า ผมจะชวนท่านผู้อ่านไปวิเคราะห์ถึงผลกระทบของการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ต่อมิติในด้านการลงทุน การผลิต โลจิสติกส์ และด้านอื่นๆ กัน ...

ภาพจาก : AFP

ข่าวแนะนำ