นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

Gold Bullish	Gold Bearish
ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ	ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปีนี้
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่รุนแรงมากขึ้น	ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน	การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
	การกระจายวัคซีนโควิด-19

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งต่อไป

ราคาทองคำ Spot สัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหว Sideways โดยราคาทองคำมีแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามากสุดในรอบเกือบ 2 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลต่อการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น โดยได้มีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. ทั้งนี้ทางด้านข้อมูล CME GROUP พบว่า นักลงทุนคาดว่า มีโอกาสถึง 80.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% มาสู่ระดับ 0.75%-1.00% หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. 0.25% มาสู่ระดับ 0.25%-0.50% ซึ่งการคาดการณ์ของนักลงทุนนั้นมาจากที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นการคาดการณ์มากกว่าที่เฟดเคยส่งสัญญาณไว้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% อีก 6 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์อีกเช่นกันว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกครั้งในการประชุมที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งๆละ 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และเดือนก.ค. และหลังจากนั้นคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งๆ ละ 0.25% อีก 3 ครั้ง นั่นคือเดือนก.ย. เดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.50%-2.75% ในสิ้นปี 2565 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก เพื่อที่จะต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีความวิตกกังวลในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเกิดจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรต่างๆที่นำมาใช้แก่รัสเซีย และมาตรการตอบโต้ของรัสเซียแก่ชาติที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงมาก จึงอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินที่อาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงการประชุมที่เหลือของปีนี้

ความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจส่อแววเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากที่ยูเครนได้กล่าวอ้างว่ารัสเซียสังหารหมู่ชาวยูเครน แม้ว่าผู้นำรัสเซียจะออกมาปฏิเสธ แต่การกล่าวอ้างครั้งนี้นำไปสู่ความไม่แน่นอนอีกครั้ง ประกอบกับอาจนำไปสู่การเจรจาสันติภาพที่อาจเผชิญส่อแววมีอุปสรรคมากขึ้น แม้ว่าผู้นำยูเครนจะประกาศชี้ชัดว่าจะยังคงเดินหน้าการเจรจาสินติภาพ เหตุการณ์สังหารหมู่ชาวยูเครนในครั้งนี้ส่งผลให้หลายชาติเตรียมออกมาแบนรัสเซีย โดนเฉพาะชาติตะวันตกเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ส่วน UN ถอดถอนรัสเซียพ้นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเรียกร้องให้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินขึ้นศาลในฐานะอาชญากรสงคราม และได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเพื่อยุติความสัมพันธ์ทางการค้าที่ปกติกับรัสเซีย ทั้งนี้กฎมายดังกล่าวจะปูทางให้สหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากรัสเซียจาก 3% เป็น 30% ทั้งนี้สงครามในยูเครนก็ยังดำเนินต่อไป ซึ่งทางรัสเซียยังคงมีการระดมยิงอย่างต่อเนื่องในภาคตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้นาโตวางแผนตรึงกำลังทหารตามแนวพรมแดนประเทศสมาชิกที่ติดกับรัสเซียแบบถาวร ทั้งนี้เรายังคาดว่าความขัดแย้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายปี ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะยังไม่ยุติในระยะเร็ววันนี้ ซึ่งหากความขัดแย้งดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และอาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้เป็นแรงหนุนราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปได้ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้

ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ระยะสั้นราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความกังวลของภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงความเสี่ยงของความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งอันเกิดจากสงครามยูเครน-รัสเซีย สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% จากเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 8.5% จากเพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1% จากเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 10.5% จากเพิ่มขึ้น 10.0% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของม.มิชิแกน ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนเม.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. และติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบแรก ก่อนที่จะมีการชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบ 2 ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 เม.ย.นี้

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,910 ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,970 ดอลลาร์ และ 1,980 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 30,500 บาท และ 30,200 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 31,200 บาท และ 31,400 บาท