เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ส่งผลต่อทองคำอย่างไร? วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง
เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
Gold Bullish
- ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
- สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่รุนแรงมากขึ้น
Gold Bearish
- ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมี.ค.
- การเปิดกว้างการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายลง
- การกระจายวัคซีนโควิด-19
การเจรจารัสเซีย-ยูเครน มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงปัจจัยอื่นที่สำคัญ
ราคาทองคำ Spot สัปดาห์ที่ผ่านมามีความผันผวนอย่างมาก โดยในช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2563 จากที่สหรัฐประกาศจะคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ส่งผลราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูง ซึ่งนักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงนั้น จะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ต้นทุนพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในยุโรป และผลสุดท้ายก็จะส่งผลต่อสหรัฐเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อัตราเงินเฟ้อยังคงพุ่งในระบบสูงอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะยิ่งไปซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก ให้เผชิญต่อภาวะ stagflation อย่างไรก็ตามช่วงกลางถึงท้ายสัปดาห์ราคาทองเกิดแรงเทขายออกมามาก เนื่องจากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน ทั้งนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากอีกหลายปัจจัยที่สำคัญของมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อรัสเซีย รวมถึงการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของรัสเซียแก่ชาติที่คว่ำบาตรรัสเซีย ที่อาจกระทบเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ขณะที่ทั่วโลกให้ความสนใจในสงครามรัสเซีย-ยูเครน คือผลการเลือกตั้งในเกาหลีใต้ โดยยุน ซอกยอล เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ที่อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ต่อเกาหลีเหนือและจีนที่ห่างเหินมากขึ้น ทั้งนี้ผู้นำเกาหลีใต้คนนี้เคยชี้ว่าจะสนับสนุนการโจมตีเพื่อป้องกันภัยหากเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคาม ท่ามกลางเกาหลีเหนือที่มีการทดสอบขีปนาวุธที่บ่อยครั้งขึ้นในระยะหลัง รวมถึงความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและไต้หวัน
เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
แม้สถานการณ์จะเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะมีความตึงเครียดมากขึ้น แต่เฟดก็ยังไม่ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากยังคงอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง จึงคาดว่าเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 0.25%-0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม จากเดิมที่นักลงทุนคาดว่าเฟดจะเดินหน้าเชิงรุกในการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูง แต่นักลงทุนคลายความกังวลมากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ยังคงต้องติดตามคือ สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่อาจกลับมาประทุให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ รวมมาตรกาคว่ำบาตรต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงมีความตึงเครียดที่ส่อแววรุนแรงมากขึ้น จะอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดให้ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ หรืออาจลดจำนวนครั้งในปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หากสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลี่คลายจนในที่สุดยุติลงในเวลาอันสั้น คาดว่าเฟดยังคงเดินหน้าเชิงรุกในการใช้นโยบายทางการเงินต่อไปในช่วงที่เหลือของปี
ราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าอาจปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงของราคาทองคำนั้นมีกรอบที่จำกัด จึงแนะนำว่าสามารถเข้าซื้อทองคำได้เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลง สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% มาสู่ระดับ 0.25%-0.50% นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 10.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี จาก 9.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,960 ดอลลาร์ และ 1,940 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,020 ดอลลาร์ และ 2,050 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 30,700 บาท และ 30,600 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 31,500 บาท และ 31,650 บาท
ข้อมูลจาก: ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ภาพประกอบ : AFP , ฮั่วเซ่งเฮง