โฉมใหม่ของเซี่ยงไฮ้ในทศวรรษหน้า (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
โฉมใหม่ของเซี่ยงไฮ้ในทศวรรษหน้า (ตอน 3) โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
นอกจากวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน และลอจิสติกส์ระหว่างประเทศที่ผมนำเสนอใน 2 ตอนก่อนหน้านี้แล้ว เซี่ยงไฮ้ยังกำหนดวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางด้านนวัตกรรม” ของจีน และของโลกในระยะยาว
แม้ว่าเรื่องนี้จะมาหลังสุด แต่ดูจะมาแรงสุดๆ เช่นกัน เราไปดูกันว่า เซี่ยงไฮ้วางแผนจะทำอะไรและอย่างไรบ้างเพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เกิดเป็นรูปธรรมในอนาคต ...
ในภาพใหญ่ นวัตกรรมถูกกำหนดให้เป็น “พระเอก” ที่จีนจะใช้สนับสนุนการพัฒนาทุกภาคส่วนเพื่อให้ประเทศก้าวกระโดดไปสู่อีกระดับหนึ่งในยุคหน้า ถึงขนาดที่รัฐบาลจีนกำหนดกลยุทธ์การพัฒนาประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Innovation-Driven Development Strategies)
เราจึงเห็นการจัดสรรงบประมาณด้านวิจัยและพัฒนาพื้นฐานและเชิงประยุกต์จำนวนมหาศาล โดยในแผน 5 ปีฉบับที่ 14 (2021-2025) จีนกำหนดสัดส่วนการวิจัยและพัฒนาเฉลี่ยอยู่ที่ 7% ของจีดีพี พร้อมจะเพิ่มสิทธิประโยชน์และมาตรการจูงใจในระดับที่สูงขึ้นในปีนี้ อาทิ การหักลดหย่อนภาษี และการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ขณะที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องสำคัญ ก็ประกาศจะให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยในปี 2022 รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ตั้งเป้าค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาที่ราว 4.2% ของจีดีพีเซี่ยงไฮ้ และยังจะกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่องและจะดำเนินต่อไปในอนาคต
การสานต่อความเป็น “เมืองดิจิตัล” (Digital City) ของเซี่ยงไฮ้ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคหลัง 5G เพื่อมุ่งหวังให้เซี่ยงไฮ้สามารถผนวกดิจิตัลเข้ากับเศรษฐกิจที่แท้จริงในระดับที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2021 ผลผลิตของอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์และบริการด้านไอทีมีมูลค่ากว่า 1.26 ล้านล้านหยวน ขยายตัวมากกว่า 15% ของปีก่อน และมีธุรกิจด้านข้อมูลหลักกว่า 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่าผลผลิตมากกว่า 230,000 ล้านหยวน
โดยรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ได้นำเอาแอปจำนวนเกือบ 3,500 แอปใน 6,000 หมวดข้อมูลออกมาให้บริการสาธารณะ ในจำนวนนี้ 1,150 แอปถูกผนวกรวมเพื่อใช้ในระบบการจัดการชุมชนเมืองอัจฉริยะ สะท้อนว่าระบบนิเวศและการแลกเปลี่ยนข้อมูลสมัยใหม่ ครอบคลุมข้อมูลภาคการค้า การตรวจสอบ กฎหมาย และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ได้ถูกพัฒนาขึ้นในพื้นที่
เซี่ยงไฮ้ยังประกาศเป้าหมายที่จะจัดตั้งแพล็ตฟอร์มหลักเพื่อรองรับนวัตกรรมและบริการด้านการผลิตไว้อย่างชัดเจน อาทิ การจัดตั้งแพล็ตฟอร์มสนับสนุนระบบดิจิตัลในอุตสาหกรรมการผลิตจำนวน 30 แพล็ตฟอร์ม และผลักดันการนำร่องให้เกิดโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) อย่างน้อย 40 แห่งขึ้นในปีนี้ และจะขยายวงเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมไปถึงอุตสาหกรรมการเงินสีเขียว ยานยนต์ไร้คนขับ และอวกาศ
ผมยังแอบติดใจโครงการหนึ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ การจัดตั้งบิ๊กดาต้าเซ็นเตอร์แห่งชาติสำหรับเอกสารกำกับสินค้าและโกดังสินค้า ณ พื้นที่พิเศษหลิงกั่ง (Lingang) ในเขตเมืองใหม่ผู่ตง (Pudong)
เมื่อระบบเสร็จสมบูรณ์ โลกการผลิตของจีนจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ การผลิตและจัดเก็บชิ้นส่วนอุปกรณ์และสินค้าสำเร็จรูปของแต่ละหน่วยธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานของจีนจะถูกรวบรวมข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบ จีนจะรู้หมดว่าชิ้นส่วนอุปกรณ์และสินค้าสำเร็จรูปอยู่ที่ไหนบ้าง อย่างไร
สินค้าจีนในอนาคตจะไม่ถูกผลิตเกินกว่าความต้องการที่ควรจะเป็น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการผลิตและการจัดเก็บสินค้า อันจะนำไปสู่การประหยัดในทรัพยากรและการสร้างประโยชน์ในการประกอบธุรกิจ
เซี่ยงไฮ้ยังจะสานต่อนโยบาย “รวยไปด้วยกัน” สู่เมืองอื่นๆ อีกด้วย ในด้านหนึ่ง ฐานอุตสาหกรรมดั้งเดิมในบางพื้นที่ อาทิ เขตเป่าซาน (Baoshan) ซึ่งเดิมเป็นฐานการผลิตเหล็กและเคมี และก่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ก็ถูกปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่เป็นโครงการเมืองแฝดดิจิตัลที่ประกอบด้วยเมืองดิจิตัลหนานต้า (Nanda Digital City) และเมืองอัจฉริยะหวูซ่ง (Wusong Smart City)
ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยงไฮ้ยังจะเดินหน้าพัฒนาแผนแม่บทการพัฒนา 5 เมืองใหม่รอบนอกในเซี่ยงไฮ้ ได้แก่ เฟิงเสียน (Fengxian) เจียติ้ง (Jiading) ชิงผู่ (Qingpu) ซงเจียง (Songjiang) และหนานหุ่ย (Nanhui) เพื่อเป็นแหล่งใหม่ในการรองรับการลงทุนของกิจการข้ามชาติและกิจการชั้นนำของจีน สวนอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ศูนย์วิจัยและพัฒนา สถาบันการศึกษา และองค์กรที่เกี่ยวข้องด้วยมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านนวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ กระบวนการปรับโครงสร้างด้านดิจิตัลยังจะขยายวงต่อไปถึงมิติด้านการตลาดและภาคประชาชน การส่งเสริมแพล็ตฟอร์ม ธุรกิจด้านดิจิตัล และผู้เล่นในตลาดจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไปเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการค้า ซึ่งนั่นเท่ากับว่า เศรษฐกิจดิจิตัล บริการ และแอปที่เกี่ยวข้องจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตภาคประชาชนโดยรวมมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ผู้สูงอายุ
ผมขอแวะไปพูดถึงการพัฒนาของเมืองหลิงกั่งหน่อย เพราะภายหลังการพัฒนาราว 15 ปี หลิงกั่งได้กลายเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่สำคัญของจีนได้อย่างรวดเร็ว โดยในปีที่ผ่านมา พื้นที่ส่วนนี้มีคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกที่ทำรายได้กว่า 100,000 ล้านหยวนเป็นแห่งแรกของจีน
เราเห็นโรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์มากมายในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Shanghai Automotive Industry Corporation (SAIC) เจ้าของแบรนด์ MG ของจีน และเทสล่า (Tesla) ค่ายอเมริกันที่ตั้งโรงงานขนาดใหญ่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ขณะที่ในปี 2022 ขนาดอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์คุณภาพสูงถูกตั้งเป้าว่าจะทะยานขึ้นแตะหลัก 100,000 ล้านยวน ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตวงจรรวม ยาชีวภาพ และปัญญาประดิษฐ์ จะขยายตัว 2 เท่าตัว
นอกจากนี้ หลิงกั่งยังถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ช่วยส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมหลักอื่นๆ ของจีน ในด้านพาณิชย์นาวี หลิงกั่งมีทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ โดยเป็นเมืองปลายสุดด้านซีกตะวันออกเฉียงใต้ของเซี่ยงไฮ้ที่เชื่อมโยงกับท่าเรือหยางซาน ท่าเรือคอนเทนเนอร์กลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรายังเห็นการจัดตั้งมหาวิทยาลัยด้านพาณิชย์นาวี กิจการอู่เรือ และศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ของกิจการลอจิสติกส์ข้ามชาติในพื้นที่อีกด้วย
ขณะที่ในด้านการบินและอวกาศ หลิงกั่งก็เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบินเชิงพาณิชย์ และชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานอวกาศที่สำคัญของจีน แถมเมื่อปีก่อนก็ยังมีการก่อสร้างท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก แน่นอนว่ามีกิจการของจีนและต่างชาติอีกเป็นจำนวนมากที่เข้าคิวขยายการลงทุนเข้าไปในพื้นที่
ผมมั่นใจว่า หลิงกั่งจะเป็นคลัสเตอร์ด้านอุตสาหกรรมการผลิตยุคใหม่ที่สำคัญและโดดเด่นของจีนและของโลกในอนาคต จึงอยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้ให้ความสนใจเอาไว้บ้าง จะได้ไม่ตกขบวน
ในความพยายามที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรม เซี่ยงไฮ้ก็จะเป็นพื้นที่นำร่องในการปฏิรูปและเปิดประเทศในเชิงกว้างและเชิงลึกที่มากขึ้น ควบคู่ไปกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปรับปรุงระบบการจัดการเพื่อยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมระยะ 3 ปี และระยะ 10 ปีของจีน
ในปี 2022 เซี่ยงไฮ้จะนำร่องการพัฒนา “สวนนวัตกรรมกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง” (SMEs Innovation Park) และผลักดันนวัตกรรมในเศรษฐกิจเอกชน โดยมุ่งเน้นการเพิ่ม SMEs จำนวน 500 รายที่เชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะกลุ่ม
นอกจากนี้ เพื่อให้ระบบนิเวศมีความพร้อมสรรพสำหรับสตาร์ตอัพอย่างแท้จริง เซี่ยงไฮ้ยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และส่งเสริมความทันสมัยด้านการศึกษา การสรรหาและบ่มเพาะผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับสูง
ในอดีต เซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขตผู่ตง ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องที่เริ่มทดลองใช้ระบบกรีนการ์ดของจีน เพื่อดึงดูดคนจีนโพ้นทะเลและชาวต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถเข้าไปทำงานในจีน
ปัจจุบัน เกือบทุกเมืองในเซี่ยงไฮ้ยังพร้อมสรรพไปด้วยโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เชื่อมโยงกับส่วนอื่นในพื้นที่ปากแม่น้ำแยงซีเกียง รวมทั้งโครงการก่อสร้างที่พักราคาพิเศษ และสิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดเด็กพรสวรรค์ให้ย้ายไปทำงานในพื้นที่
เซี่ยงไฮ้ยังมองไกลถึงการเป็น “ศูนย์กลางดิจิตัลโลก” (Global Digital Hub) ในอนาคต โดยประกาศเป้าหมายในระยะยาวไว้ในหลายส่วน อาทิ การจะเป็น “หัวหอก” ในการผลักดันให้จีนก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์โลก” ในปี 2030 และ “ผู้นำด้านนวัตกรรมโลก” ในปี 2050
เซี่ยงไฮ้ในทศวรรษหน้าคงเปลี่ยนโฉมไปอีกมาก เราคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า วิสัยทัศน์ของเซี่ยงไฮ้จะเป็นจริงมากน้อยขนาดไหน และมีส่วนในการผลักดันให้จีนทะยานขึ้นเป็นผู้นำในแต่ละด้านได้จริงตามที่ฝันไว้หรือไม่ อย่างไร...
ภาพจาก Reuters