ทองร่วงลงมาแตะแนวรับ 2,600 ดอลลาร์ ยังไร้สัญญานฟื้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ชี้ราคาทองคำย่อลงจาก 3 ปัจจัยหลัก ทำให้โอกาสฟื้นกลับมาจุดเดิมยังยาก ส่วนปัจจัยชี้วัดทิศทางแนะจับตา 3 ประด็น ด้านตลาดหุ้นโลกยังมองบวกระยะสั้น 1-2 สัปดาห์นี้ เน้นหุ้นสหรัฐ ลุ้น S&P 500 แตะระดับ 6,000 - 6,100 จุดในสิ้นปี 2567
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกระยะนี้ที่ย่อลงมา โอกาสจะกลับไปยืนจุดเดิมยังมีไม่มากนัก โดยปัจจัยทีมีผลต่อทองคำช่วงนี้มี 3 ประเด็น คือ 1) ภาพเศรษฐกิจโดยรวมปี 2567 นี้ฟื้นตัวดี แต่ปี 2568 จะฟื้นตัวช้าลง ส่งผลให้ความต้องการซื้อหรือดีมานด์ทองคำหายไป จากการค้าที่คาดจะฟื้นตามเศรษฐกิจไม่มาจึงส่งผลต่อดีมานด์ทองคำด้วย โดยเฉพาะดีมานด์ในฝั่งเอเชีย
2) ล่าสุด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่กดดันต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม (Emerging Market หรือ EM ) รวมถึงกลุ่มบริกส์ หรือ BRICS (ประเทศสมาชิกหลัก คือ บราซิล ,รัสเซีย, อินเดีย , จีน , และแอฟริกาใต้ ) ในการที่จะให้ถือดอลลาร์สหรัฐต่อไป ไม่ควรใช้สกุลเงินใหม่ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และกดดันราคาทองคำให้ปรับลงมา
และ 3) ตลาดเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) มากขึ้น ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะบิตคอยน์ (Bitcoin) ทำให้ความสนใจสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำปรับลดลง ดังนั้น การที่ทองคำจะแรลลี่ขึ้นคงต้องดูบิตคอยน์ประกอบด้วยว่าจะกลับมาแย่งความใจจากทองคำหรือไม่ ซึ่งบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะนี้จึงยังสะท้อนว่านักลงทุนสนใจเก็งกำไรในบิตคอยน์
ส่วนประด็นที่อาจจะเข้ามาหนุนราคาทองคำต้องติดตามตัวเลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ด้วย ถ้าออกมาต่ำกว่า 200,000 ราย ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็อาจทำให้ตลาดอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง และมีแรงซื้อกลับมาที่ทองคำได้ และการติดตามนโยบายการเงินของ 2 แห่งที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ คือ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถ้าลดดอกเบี้ยตามคาดในการประชุมเดือนธ.ค.ปี 2567 นี้ก็อาจจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำได้ รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปไม่ดี และในประเทศฝรั่งเศสก็มีปัญหาการเมืองด้วย อาจเห็นการลดดอกเบี้ยมากกว่าร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางทองคำได้
ขณะเดียวกันปัจจัยที่ต้องติดตามเพราะอาจกดดันต่อราคาทองคำโลกก็มีเหมือนกัน อย่าง ตัวเลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐออกมาดีเกินกว่า 200,000 ราย ก็อาจทำให้เฟดไม่ปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ อาจกระทบราคาทองคำให้ปรับลดลงได้
ทั้งนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีคำแนะนำการลงทุนในทองคำช่วงนี้ แม้จะมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในปี 2568 แต่จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการกีดกันทางการค้า อาจมีผลให้ราคมทองคำขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศผู้ซื้อทองคำไม่ได้ดีนัก ราคาทองคำจึงควรซื้้อลงทุนด้วยความไม่ประมาท คือ ซื้อเมื่อราคาปรับลงมาแล้ว และควรถือในสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของพอร์ตการลงทุน
ขณะที่ มุมมองต่อตลาดหุ้นโลกในช่วงสั้นยังมองบวกมีโอกาสแรลลี่ขึ้นได้ โดยอาจจะติดตามดูตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในที่ 6 ธ.ค.นี้ก่อน ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจ หรือการลดดอกเบี้ยเฟดเกิดขึ้นทันที หุ้นสหรัฐ S&P 500 มีโอกาสทยานขึ้นไประดับ 6,000 - 6,100 จุดในสิ้นปี 2567 ได้ แต่หลังสินทรัพย์เสี่ยง(หุ้น) ปรับขึ้นมามาก บวกกับรายได้ตามไม่ทันแรงงานในเดือนม.ค.ปี 2568 หลังจบปีใหม่อาจแรงขาย แต่ในระยะสั้น 1-2 สัปดาห์นี้หุ้นหรือสินทรัพย์เสี่ยงยังน่าจะได้นรับการตอบรับที่ดี
ส่วนธีมการลงทุนในเดือนธ.ค.ปี 2567 นี้ยังให้ความสำคัญกับ 3 ธีม คือ 1) หุ้นสหรัฐที่ได้รับตอบรับดีจากมาตรการที่จะเขามากระตุ้น 2) ธีมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ยังมีโอกาสที่จะขยายต่อในปี 2568 นี้ แต่จะขยายตัวจากธีมชิปขึ้นไปในส่วนของซอฟต์แวร์มากขึ้น และอาจจะเลยไปถึงฮาร์ดแวร์ของ AI ด้วย และ 3) ธีมที่เกี่ยวข้องกับภาษีที่ทรัมป์จะขึ้นเพื่อกีดกันทางการค้า สินทรัพย์ที่ปรับตัวลงก่อนในฝั่ง Emerging Market เป็นโอกาสซื้อ แต่ต้องเลือกซื้อในจุดที่เอิร์นนิงไม่ถูกกระทบจากมาตรการภาษีหรือการกีดกันทางการค้า ซึ่งต้องจับตาการเจรจาต่อรองในด้านการค้า เพราะถ้าเจรจาได้การค้าก็อาจกลับมาดีขึ้นได้ ถ้าจะให้ปลอดภัยอาจเลือกลงทุนกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐไม่สูง เช่น อินเดีย อาเซียน เป็นต้น
ข่าวแนะนำ