กังวลหนี้สหรัฐพุ่งสูง ดันราคาทองคำโลกไปต่อ
ราคาทองคำโลกยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น จากดีมานด์สูง Bond Yield เพิ่มขึ้น จากความกังวลต่อระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐที่เพิ่มสูง หนุนราคาทองโลกที่สูงต่อไปได้อีก แม้จะขึ้นมามากแล้ว
ล่าสุด ราคาทองคำโลก GOLD SPOT อยู่ที่ระดับ 2,737.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศสมาคมค้าทองคำรายงานราคาปิดตลาดที่ 44,350 บาท/บาททองคำ และทองคำรูปพรรณปิดที่ระดับ 44,850 บาท/บาททองคำ โดยการซื้อรายระหว่างวันมีการปรับทั้งหมด 8 ครั้ง
สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 ขึ้นไปทำสถิติใหม่ทะลุระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ ได้เป็นครั้งแรกแล้ว ซึ่งความต้องการทองคำในไตรมาสที่แล้วเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1,313 ตัน โดยได้การลงทุนเพิ่มขึ้นจากฝั่งตะวันตก ซึ่งรวมถึงการลงทุนรายบุคคลของ "กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง" (HNW) เข้ามาช่วยชดเชยแทนแรงซื้อที่ลดลงจากฝั่งเอเชีย ในขณะที่แรงซื้อของบรรดา กองทุน ETF ทองคำ ก็พลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิในไตรมาสนี้ หลังจากที่มีกระแสเงินไหลออกเป็นเวลานาน
จอห์น รีด หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของ WGC กล่าวว่า ราคาทองคำ พุ่งสูงขึ้นมากในปีนี้ โดยพุ่งขึ้นไปแล้วมากกว่า 1 ใน 3 และทำราคาทองคำสูงสุดทุบสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง จากแรงซื้อที่แข็งแกร่งของกลุ่มธนาคารกลาง และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนความมั่งคั่งสูง รวมถึงการปรับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปสู่วัฏจักรการลดดอกเบี้ย และการซื้อขายนอกตลาด (OTC)
ด้าน ฮั่วเซ่งเฮง คาดแนวโน้มราคาทองคำยังปรับขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสแตะ 2,800 ดอลลาร์ ขณะที่ทองแท่งลุ้น 44,500 บาท บ่องชี้แนวโน้มราคาทองที่ขึ้นไปหยุด โดยฮั่วเซ่งเฮง ระบุในรายงานแนวโน้มราคาทองคำประจำวันนี้ (31 ต.ค.) ว่าราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อทำ All-Time High ต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) สหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ตลาดกังวลหนี้สาธารณะสูง
นอกจากนี้ สหรัฐได้มีการเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 3 ประมาณการครั้งที่ 1 ของสหรัฐขยายตัวร้อยละ 2.8 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือน ต.ค.ของ ADP จะเพิ่มขึ้น 2.3 แสนตำแหน่ง แข็งแกร่งกว่าคาดมาก ส่วนกองทุน SPDR (Standard & Poor's Depositary Receipt) หรือ กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซื้อทองคำ 2.87 ตัน
ทั้งนี้ ฮั่วเซ่งเฮงคาดการณ์แนวโน้มทองคำแท่งในประเทศ โดยให้แนวต้านที่ 44,500/44,600 บาท แนวรับที่ 44,300/44,200 บาท
ก่อนหน้านี้ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) มองว่า แม้ปีนี้ทองมาไกลแล้ว แต่ยังมีลุ้นไปต่อได้ถึง 2,850 ดอลลาร์ จากดอกเบี้ยเฟดที่น่าจะปรับลดลงได้ ความขัดแย้งระหว่างประเทศในประเทศต่างๆ และความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งสหรัฐ จึงแนะเทรดด้วยความระมัดระวัง แบ่งขายทำกำไรเมื่อถึงเป้าหมาย
ข่าวแนะนำ