ทองคำโลกทุบสถิติใหม่แล้ว ลุ้นไปต่อที่ 2,600 ดอลลาร์
ทองคำทุบสถิติใหม่ที่ 2,570 ดอลลาร์/ออนซ์ได้แล้ว ช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีโอกาสสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดแตะ 2,600 - 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ในสิ้นปีนี้
นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์ นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโส บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิเผยว่า ราคาทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ล่าสุดวันนี้ (13 ก.ย.) ทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่ 2,570 ดอลลาร์/ออนซ์ จากไฮเดิมที่ 2,532 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหลักๆ มาจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะผ่อนคลายทั่วโลก โดยเฉพาะดอกเบี้ยสหรัฐที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมในสัปดาห์หน้า ในวันที่ 18-19 ก.ย. 2567 นี้
หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มพิ่ ขึ้น ที่ 230,000 ราย จากเดิมที่ 228,000 ราย บ่งชี้การจ้างงานลดลงอีกทั้ง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และ CPI (เงินเฟ้อ) ยังสะท้อนให้เห็นว่ายังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัว และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งดอกเบี้ยที่ลดลงจะหนุนราคาทองคำให้ปรับขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ราคาทองคำจะปรับขึ้นมาทำนิวไฮแล้ว แต่ราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อเนื่องในช่วงนี้ไปจนถึงปลายปีนี้หรือในต้นปีหน้า โดยปัจจัยที่หนุนราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบด้วย
1.การคาดการณ์ที่ว่าเฟดเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเริ่มต้นในเดือนกันยายนนี้ จากสถิติในอดีตเมื่อเฟดเริ่มเข้าสู่วงจรลดดอกเบี้ยดังกล่าวจะทำ ให้กุลกุเงินดอลลาร์อ่อนค่า และผลตอบแทนพันพัธบัตรรัฐรับาลสหรัฐปรับตัวร่วงลง ขณะที่ราคาทองจะปรับขึ้นขึ้เกือบเท่าตัว (100%) ดังนั้น ออสสิริสจึงยังมองว่ราคาทองยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทุบทุสถิติในปีนี้ต่อจนถึงปีหปีน้า
2.ความขัดขัแย้งด้านภูมิภูมิรัศาสตร์ที่ตึงเครียดมาตั้งตั้แต่ปลายปี 2565 คาดว่าว่จะดำ เนินไปอย่างเข้มข้น และมีความผันผวนไม่แน่นอนสูงขึ้นในปี 2567 โดยเฉพาะความขัดแย้งในตะวันวัออกกลาง อันความขัดขัแย้งนี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อราคาทองคำโดยตรง เพราะความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำจะสูงขึ้น
3.หากเงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มลดลง และตัวเลขแรงงาน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่
และ 4.ความต้องการทองคำ จากการไหลเข้ากองทุนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันราคาทองคำ ในปีนี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ในภาวะที่ทองคำโลกราคาปรับขึ้นมาสูงแล้ว คำแนะนำ คือ ยังไม่ควรเข้าซื้อลงทุนในจังหวะนี้ และหากมีกำไรก็ควรแบ่งขายออกมาก่อนบางส่วน แล้วจึงค่อยทยอยซื้อกลับเมื่อราคาย่อลง โดยมองกรอบแนวรับที่ 2,540 -2,520 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือถ้ารอลึกหน่อยที่ระดับ 2,500 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าคาดว่าทองคำในตลาดโลกยังมีโอกาสกลับไปสูงขึ้นที่ 2,600 - 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ มีโมีอกาสกลับมาทำ New high ใหม่ โดยปีนี้หากนับตั้งแต่จุดต่ำสุดที่ระดับ 1,984 ดอลลาร์/ออนซ์ มาถึงปัจจุบัน ณ 13 ก.ย.นี้ ปรับขึ้นมาแล้ว 584 ดอลลาร์ หรือ ปรับขึ้นมาแล้วร้อยละ 29
ขณะที่ทิศทางราคาทองในประเทศยังถูกแรงกดดัน จากค่าเงินบาทที่ปรับรัตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยวันนี้แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี 9 เดือน จนหลุดระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ราคาทองในประเทศฟื้นตัวไม่ได้มากนัก อย่างไรก็ดี ราคาทองในประเทศยังมีโอกาสปรับขึ้นในระยะกลาง -ยาว เหมือนที่ขึ้นมาต่อเนื่องในอดีต ซึ่งปีนี้หากนับจากราคาต่ำสุดที่ 33,400 บาทต่อบาททองคำ เมื่อ 5 ม.ค. 2567 มาถึงวันนี้ (13 ก.ย.) ก็ปรับขึ้นมาแล้วที่ 8,750 บาท หรือ ขึ้นมาแล้วร้อยละ 25 ดังนั้น หากจะลงทุนมองในประเทศระดับปัจจุบันที่แถวๆ 40,500 บาท ถือเป็นระดับที่เข้าสะสมได้
ข่าวแนะนำ