เพิ่มน้ำหนักลงทุนเอเชีย-ไทย รับทุนต่างชาติโยกออกจากสหรัฐฯ
บลจ.เอ็กซ์สปริงชี้แม้ดอกเบี้ยเฟดจะลดเดือนก.ย.นี้ แต่หุ้นสหรัฐเริ่มปรับขึ้นได้จำกัด หนุนเงินลงทุนไหลออกไปหาแหล่งลงทุนอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย
นายยศกร ฟอลเล็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ตอนนี้นักลงทุนจะรอความชัดเจนผลการประชุมดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในวัน 18 ก.ย.นี้ ซึ่งม.องว่าน่าจะปรับลดลงแน่ๆ แต่จะลดลงร้อยละ 0.25 หรือ ร้อยละ 0.5 ยังต้องรอผล ซึ่งส่วนตัวให้น้ำหนักกับการปรับลดที่ระดับร้อยละ 0.25 และมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่น่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่ตลาดกังวล แม้ตลาดแรงงานสหรัฐจะอ่อนแรงลง เนื่องจากไม่เกิด Inverted Yield Curve หรือ สภาวะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นอายุ 2 ปี มากกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี
อย่างไรก็ดี ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐในระยะถัดไปแม้ดอกเบี้ยจะลดก็น่าจะปรับขึ้นได้อีกไม่มากนัก หลังปรับขึ้นมามากแล้ว โดยเม็ดเงินลงทุนน่าจะหมุนหรือโยกออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ ในกลุ่มเทคฯ หรือ ชิป หันไปลงทุนในแหล่งลงทุนอื่นๆ ที่มีปัจจัยหนุนให้เติบโตได้ดีกว่าในกลุ่มอื่นๆ ที่ยังขึ้นได้ไม่มาก หรือกระทั่งไหลออกไปลงทุนนอกตลาดสหรัฐ อย่างกลุ่มประเทศในภูมภาคเอเชีย อย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย รวมไปถึงตลาดหุ้นไทย ที่มูลค่าหุ้นมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้มากกว่า ส่วนการลงทุนในจีนและนำให้ Wait and See หรือ รอความชัดเจนก่อน เพราะยังไม่มีมาตรการกระตุ้นใหญ่ หรือยังไม่มีสัญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน แม้หุ้นจะถูกก็ตาม
โดย บลจ.เอ็กซ์สปริง มองว่าสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด น่าจะทำให้เห็นเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียและไทยมากขึ้น ส่วนคำแนะนำในการลงทุนหรือจัดพอร์ตในช่วงนี้ยังแนะนำให้ลงทุนในตลาดทุนนสัดส่วนราวร้อยละ 40-50 แต่อยากให้ Rotation หรือ ปรับน้ำหนักการลงทุนจากสหรัฐมาหรือตลาดประเทศกำลังพัฒนามาใน Emerging Market หรือ กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียมากขึ้น อย่าง เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย มากขึ้นราวร้อยละ 30 ส่วนอีกร้อยละ 20 ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และอีกร้อยละ 30 แนะนำให้ลงทุนตราสารทางเลือก
ข่าวแนะนำ